“รอวันพรุ่งนี้ก่อน” (กรุณาคลิ๊กอ่านที่หัวเรื่อง)

คนเรานั้นชอบผลัดวันประกันพรุ่ง.. เวลาจะทำอะไรหรือคิดจะทำอะไรก็ตามมักจะพูดว่า “เดี๋ยวค่อยทำ..รอวันพรุ่งนี้ก่อน” บางคนพูดจริงแต่บางคนพูดเพราะเห็นว่ายังมีวันเวลาที่พอจะรอได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร

ตอนเป็นเด็กผมเองก็มักจะพูดอย่างนี้เสมอ เมื่อถูกใช้ให้ทำอะไรจะต้องพูดออกมาเสมอว่า “เดี๋ยว เอาไว้พรุ่งนี้ แล้วจะทำ” พูดจนติดปาก แล้วก็เลยกลายเป็นความเคยชิน ส่วนผลของความเสียหายนั้น การผลัดวันประกันพรุ่ง ทำให้เสียทั้งโอกาสและเวลาไปอย่างหน้าเสียดาย เพราะแทนที่จะได้ใช้วันนี้ทำให้เสร็จ เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้เอาไปทำอย่างอื่น ที่อาจจะมีความสำคัญกว่าได้ แล้วเราเองก็ยังไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรือพรุ่งนี้อาจจะไม่มีสำหรับเรา หรือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเลยก็ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราเสียเวลาเสียโอกาส เพราะคำว่า “รอวันพรุ่งนี้ก่อน” ไปแล้วไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ฉะนั้นวันนี้ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องลงมือทำโดยไม่มีการผลัดวัน ไม่ต้องรอฤกษ์งามยามดีเหมือนบางคน ฤกษ์ดีที่สุดก็คือวันนี้ ที่พูดเช่นนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะต้องผลีพลามทำโดยขาดความพร้อม หรือความรอบคอบ เพราะความพร้อมและความรอบคอบต้องมาก่อนเสมอ เพียงแต่ไม่อยากจะให้มีการผลัดวัน เพื่อใช้เป็นข้ออ้างเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น การผลัดวันประกันพรุ่ง อาจจะทำให้พลาดโอกาส ที่จะทำในสิ่งที่พร้อมจะทำได้ เพราะชีวิตและวันเวลาของเรา ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะมีก็แต่พระเจ้าผู้เดียวเท่านั้น เพราะพระองค์ทรงทราบกำหนดเวลาในโลกนี้ของเราทุกคน แต่สำหรับเรานั้น เราจะอยู่จะไปเมื่อไร ไม่มีใครจะบอกได้ว่า ชีวิตจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เมื่อวันนี้เรายังอยู่ ก็อย่าคิดที่จะไปรอวันพรุ่งนี้ ที่เรายังไม่รู้ว่าจะมีพรุ่งนี้สำหรับเราอีกหรือไม่?

ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องบริหารวันเวลาที่ยังมีอยู่ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ากับวันเวลาที่กำลังผ่านไปทุกวินาที บางคนบอกว่า สมมุติว่าถ้ามนุษย์เรารู้วันเวลาของตนว่า จะสิ้นสุดลงเมื่อไรแล้ว อาจจะทำให้มนุษย์ที่เต็มไปด้วย การผลัดวันประกันพรุ่ง คงจะมีแต่ความวุ่นวายไปหมด ด้วยเหตุนี้กระมัง ที่พระเจ้าไม่เปิดเผยความเป็นไป และเวลาสิ้นสุดของวันเวลาที่เรารู้ได้ เพื่อช่วยให้มนุษย์มีความพร้อมอยู่เสมอต่อวันเวลา ส่วนความเป็นจริงนั้นเรื่องนี้ ไม่มีใครที่จะไปล่วงรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้ คงต้องทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอแล้ว

ดังนั้น เมื่อเราไม่รู้ว่าวันเวลาที่เรามีอยู่จะสิ้นสุดลงเมื่อไร อะไรจะเกิดขึ้นกับเราในแต่ละวันแล้ว ไม่ว่าวันเวลาใด ต้องทำให้ดี และคุ้มค่าของเวลา อย่าพลัดวันว่าพรุ่งนี้หรือวันนี้จะทำอะไร ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้ก็มีเวลาของพรุ่งนี้  ดังที่พระวจนะธรรมได้กล่าวไว้ดังนี้ “อย่ากังวลถึงพรุ่งนี้ว่าจะเอาอะไรกินจะเอาอะไรดื่ม เพราะพรุ่งนี้ก็มีปัญหาของวันพรุ่งนี้” เอาเป็นอันว่า เราอยู่วันนี้ก็ต้องคิดและทำตามเวลาของวันนี้ ส่วนวันพรุ่งนี้ ก็ให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีสำหรับเราหรือไม่ หรือพรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถ้าเราจะต้องกังวลล่วงหน้าไปถึงทุกวัน ทุกสัปดาห์ทุกเดือนหรือทุกปี ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แล้วจะมีความสงบสุขได้อย่างไร

วันนี้เรามีภาระมากมายพออยู่แล้ว ส่วนพรุ่งนี้ยังไม่มาถึง ทำทุกๆวันในแต่ละวันให้ดีที่สุด

โดย : อาจารย์อำนวย  เรืองชาญ

นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”

องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง

Comments are closed.