“อย่าได้มองข้ามเรื่องเล็กๆ”

อย่าได้มองข้ามเรื่องเล็กๆ เป็นอันขาด เรื่องที่เราเห็นว่ามันเป็นเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่มามากต่อมากแล้ว เราได้ยินประโยคที่ว่า น้ำผึ้งหยดเดียวมาแล้วก็คงจะให้เราได้รับบทเรียนเป็นอย่างดีว่าจากเรื่องเล็กๆ ที่เราคิดว่าไม่สำคัญนั้นมันกลับส่งผลกระทบบานปลายได้ในทุกเรื่องเหมือนกัน หรือแม้แต่ไม้ขีดก้านเดียวเล็กๆ  ก็สามารถเผาผลาญบ้านเรือนนับร้อยได้เช่นกัน             บางครั้งเรื่องเล็กๆ ที่เรามองข้ามเพราะไม่อยากเสียเวลาใส่ใจหรือคิดให้เปลืองสมอง แต่ที่ไหนได้มันกลับสร้างปัญหาให้ปวดเศียรเวียนเกล้าของใครต่อใครมาแล้วทั้งนั้น             แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ถ้าเราไม่มองข้ามและให้ความสำคัญบ้าง อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันไม่ให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ และยังเป็นความรอบคอบไม่ประมาทอีกด้วย อย่างน้อยก็ทำให้เราสบายใจไม่ต้องคิดกังวลว่าจะมีอะไรมาทำให้เกิดความยุ่งยากในภายหลัง ที่สำคัญจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมอีกด้วย             ถ้าหากเราไม่มองข้ามเรื่องเล็กๆ โดยถือว่าทุกเรื่องราวทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งนั้น หากแต่บางเรื่องอาจจะสำคัญมากหรือน้อยเท่านั้นที่ต่างกัน แล้วก็จัดการหรือแก้ไขไปตามลำดับความสำคัญของแต่ละเรื่องแล้ว เราจะได้ไม่ต้องมาลำบากใจอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้             อย่าลืมว่าบางครั้งเรื่องเล็กๆ ที่เรามองข้ามและปล่อยค้างไว้โดยไม่ได้สนใจนั้นพอสะสมไว้มากๆ หรือนานๆ มันก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไม่ยาก…

Continue reading

“อยู่อย่างสบายใจ”

“เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” (มัทธิว 6:31-33)             คนเรามีชีวิตอยู่ด้วยความไม่สุขใจอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ ก็เพราะความวิตกกังวลสารพัดที่รุมเร้ากัดกร่อนความสุขที่มีอยู่น้อยนิดไปจนหมด จนเหลือแต่ความวิตกกังวลอย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ แล้วเราจะอยู่อย่างสบายใจได้อย่างไร?             พระวจนะธรรมที่ผมนำมาฝากในวันนี้คือ คำตอบของพระเยซูคริสต์ ที่ทรงชี้ทางออกให้แก่เราทุกคน ความกระวนกระวายในเรื่องสารพัดที่จะต้องแบกในแต่ละวันคือตัวปัญหาที่ทำให้เราขาดความสงบสุข ดังนั้น ถ้าเราอยากอยู่อย่างสงบสบายใจไร้ความกังวลทั้งหลาย ให้เรามาหาพระเจ้าแล้วมอบภาระทั้งหมดที่คอยรบกวนเราอยู่ไว้กับพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงปลดเปลื้องภาระทั้งหลายออกจากบ่าของเรา ต่อจากนั้นความสงบสุขก็จะเกิดขึ้นกับเรา เหมือนข้อคิดที่เราฝากไว้ทุกวันว่า “บรรดาผู้ลำบากเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข”…

Continue reading

“ส่องกระจกดูเราเองบ้างไหม”

ใครเคยดูหนังเรื่อง “สโนวไวท์” บ้าง ในหนังเรื่องนี้ตอนหนึ่งแม่มดได้พูดกับกระจกวิเศษว่า “กระจกวิเศษบอกข้าเถิดใครงามเลิศในปฐพี” เมื่อไหร่ที่แม่มดอยากรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ก็จะใช้กระจกวิเศษเป็นคำตอบให้เสมอ ทำให้คิดถึงพระวจนะธรรมตอนหนึ่งที่มีข้อความดังนี้ “ทุกคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง จึงจะมีอะไรๆ ที่จะอวดได้ในตัวไม่ใช่เปรียบกับผู้อื่น” (กาลาเทีย 6:4) พระคำของพระเจ้าเป็นเหมือนกระจกวิเศษที่พระเจ้าให้เราใช้เพื่อสำรวจตัวเราเอง เพราะพระคำของพระเจ้าเป็นคำตอบที่จะสะท้อนความจริงให้เราเห็นชีวิตอย่างชัดเจน คนเรามักจะชอบสำรวจดูคนอื่นมากกว่าจะสำรวจตัวเอง อาจจะเป็นเพราะเรามองไม่เห็นตัวเองแต่มองเห็นคนอื่นได้ ดังนั้น เราจึงทำตัวให้เป็นเหมือนกระจกที่ไม่ได้รับเชิญ ทำหน้าที่เป็นเป็นกระจกตามใจชอบที่นึกอยากจะส่องดูใครก็ส่องตามใจต้องการ เสร็จแล้วก็มาสรุปตามความคิดความเข้าใจของตัวเอง อย่างนี้ต้องถามก่อนว่า กระจกของเรามันชัดเจนจริงไหมหรือเห็นแค่มัวๆ หรือว่ามันชัดเฉพาะที่เราอยากจะให้มันชัดเท่านั้น แล้วก็ตัดสินภาพที่เห็นตามความเข้าใจและตามมาตรฐานของเราเอง ถ้าหากเป็นอย่างที่ว่านี้ก็เท่ากับว่า เราไม่ได้ให้โอกาสคนอื่นส่องกระจกดูเขาได้แก้ตัวเลย  เพราะปิดโอกาสเพื่อที่เราจะได้ตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลางในการตัดสินในสิ่งที่ตาเราเห็นอย่างมีอคติ สำหรับพระเจ้านั้นพระองค์ทรงมองเราทุกคนที่จิตใจ ไม่ได้มองที่ร่างกายภายนอกของเรา…

Continue reading

“บ้านและครอบครัวที่อบอุ่น”

วิถีชีวิตของบ้านและครอบครัววันนี้กำลังเปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่เคยเป็นมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนกระทั่งวันนี้ สิ่งดีๆ แบบครอบครัวไทยหลายอย่างได้เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งก็มีผลทำให้การดำเนินชีวิตของทุกคนในครอบครัวก็ต้องปรับเปลี่ยนสภาพไปด้วยเช่นกัน เมื่อก่อนจากครอบครัวที่เคยอบอุ่นอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลาอาหาร เวลาหลังอาหารที่ใช้โอกาสในการพูดคุยกันระหว่างคนในบ้านได้เปลี่ยนไปตามวันเวลา ที่ต่างไปจากบรรยากาศแบบเดิมๆ จนไม่เหลืออยู่อีกแล้ว             ผมจำได้สมัยเป็นเด็กถึงเวลาอาหารทุกคนจะอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หลังอาหารก็จะมานั่งรวมกันพูดคุยในสารพัดเรื่องราวที่แต่ละคนได้ผ่านพบมาในวันนั้น หากเป็นปัญหาก็ช่วยกันออกความคิดอ่านแก้ไขเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ สุดท้ายพ่อก็จะเป็นคนสรุปก่อนที่จะแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวก่อนเข้านอน ครอบครัวเราทำอย่างนี้เป็นประจำไม่เคยขาด และก็ส่งผลต่อจิตใจและสร้างความอบอุ่นให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากมีเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบกับคนในครอบครัวเมื่อใด ทุกคนก็จะช่วยกันแก้ไขปกป้องราวกับว่าทุกคนเป็นกายอันเดียวกัน เมื่ออวัยวะอันหนึ่งเจ็บอวัยวะอื่นๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่สร้างความอบอุ่นความผูกพันที่นำไปสู่ความเอื้อเฟื้อต่อกันและกันของครอบครัวแบบไทยๆ สมัยก่อนโน้น             แม้ว่าแต่ละคนจะแยกย้ายไปตามวิถีชีวิตของการดำเนินชีวิตในหน้าที่การงานก็ตาม แต่ความผูกพันและห่วงใยไม่ได้ขาดไปจากใจของแต่ละคน เวลามีสุขหรือทุกข์เราก็มักจะส่งข่าวคอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่เสมอไม่เคยขาด ให้กำลังใจอธิษฐานเผื่อกันและกันเสมอ เพราะโดยรากฐานของความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าที่ทุกคนมีอยู่นั้นคือหลักประกันที่เรามั่นใจ และวางใจอยู่เสมอว่าสิ่งนี้คือหลักประกันแห่งความอยู่รอดปลอดภัยของเราทุกคน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือวิถีชีวิตครอบครัวที่มีความอบอุ่นและมีความผูกพันในครอบครัวสมัยก่อน…

Continue reading

“ชีวิตที่มีความสุข”

ถ้าจะถามว่าเราอยากจะมีชีวิตในโลกนี้อย่างไร? ทุกคนก็คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากอยู่อย่างมีความสุข” ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะอยู่อย่างมีความทุกข์แน่นอน สรุปได้ว่า ทุกคนอยากจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข และถ้าจะถามอีกว่า แล้ววันนี้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขตามที่ตั้งความหวังไว้หรือไม่ อย่างไร? คำตอบก็คือ ชีวิตไม่ได้มีแต่เพียงความสุขตามที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ยังมีความทุกข์เข้ามาบั่นทอนความสุขให้หมดไปอีกด้วย ที่หนักไปกว่านั้น มีบางคนไม่เคยรู้จักคำว่าความสุขเลย เพราะชีวิตมีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ส่วนบางคนก็พอจะมีความสุขบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่ความทุกข์เสียมากกว่า บางคนจะมีทั้งสุขหรือทุกข์คละเคล้ากันไป เคยคิดไหมว่า ทำไมชีวิตถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมความสุขที่เราปรารถนามากกว่าสิ่งอื่นใดจึงได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นความสุขที่ขาดๆ หายๆ ได้มาเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็หายไป ในขณะเดียวกันความทุกข์ที่เราไม่ต้องการกลับวิ่งเข้ามาสู่ชีวิตของเราครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีหยุดหย่อน ก็จะบอกว่าเราไม่มีความสุขนั้นก็เพราะเราไม่ได้แสวงหาอย่างจริงจัง อันนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนต่างดิ้นรนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน งานของเราก็คือออกไปหาความสุขมาให้กับตัวเองและให้กับครอบครัว…

Continue reading