“ดินสอกับยางลบ”

มีดินสอที่ใช้เขียนยังไงก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง และมียางลบที่ใช้ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง             ดินสอแท่งนั้นเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่อยู่ด้วยกันไปไหนมาไหนด้วยกันและทำอะไรเหมือนกัน หน้าที่ของดินสอก็คือการเขียน มันจึงต้องเขียนในทุกที่ทุกเวลาที่คนจะใช้ให้ดินสอเขียน ส่วนหนึ่งของยางลบก็คือลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลาเหมือนกัน ทั้งดินสอและยางลบจึงต้องไปไหนด้วยกันเสมอแยกกันไม่ได้             เวลาผ่านไปหลายสิบปีทุกอย่างก็ยังดำเนินไปตามปกติเรื่อยมา จนกระทั่งดินสอได้เอ่ยกับยางลบว่า “เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว!” ยางลบจึงถามว่า “ทำไมล่ะ” ดินสอตอบว่า “เราทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด”             เมื่อไม่สามารถพูดให้เข้าใจกันได้ทั้งคู่ก็ตกลงแยกทางกัน ดินสอพอแยกกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ตามใจที่มันจะเขียน แต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเขียนผิด ข้อความที่มันเคยเขียนได้ดีๆ ประทับใจก็สกปรกมีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด ทำให้เริ่มคิดถึงยางลบทันที             ฝ่ายยางลบเมื่อแยกทางกับดินสอ มันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไปแล้วก็ไม่ต้องลบอะไรเลย ทำให้มันใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพราะไม่มีอะไรทำให้มันลบเลย…

Continue reading

“หลักประกันความปลอดภัย”

ภายใต้ฟ้าจักรวาลหรือในโลกใบนี้ ไม่มีที่พักพิงใดที่ปลอดภัยและอบอุ่นเท่ากับการที่เราได้พักพิงในพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงปกป้องและเป็นที่ลี้ภัยอันมั่นคงแก่เราทุกคน ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอุปสรรคมากมายเพียงใด ความรักความหวังใจและความวางใจในพระองค์จะเป็นเกราะกำบังภัยปกป้องเราให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง โดยการทรงนำของพระองค์เราจะไม่พลาดไปจากทางที่กำหนดไว้ให้เรา พระเจ้าจะทรงติดตามคุ้มครองเรา แม้แต่ในช่วงวิกฤติความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้าก็จะมาทันเวลาเสมอ พระองค์ทรงคุ้มครองเราตลอดชั่วเวลาอันยาวนานของชีวิต โดยไม่ทรงเปลี่ยนแปลงนี่คือพระคุณและความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่ทรงมีต่อเราทุกคนที่เชื่อวางใจด้วยการมอบชีวิตทั้งหมดให้กับพระองค์ ต่อไปนี้คือข้อพระธรรมที่สนับสนุนสิ่งที่ผมได้พูดไปแล้วทั้งหมดว่า “ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า และได้ชนะเขาเหล่านั้น  เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก” (1 ยอห์น 4:4) “พระบิดาของเราผู้ประทานแกะนั้นให้แก่เราเป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง  และไม่มีผู้ใดอาจชิงแกะนั้นไปจากพระหัตถ์ของพระบิดาของเราได้” (ยอห์น 10:29) “แต่ว่าในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เรามีชัยเหลือล้นโดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า …

Continue reading

“เพราะพระองค์ทรงอยู่”

เพลงบทหนึ่งที่เราร้องอยู่เสมอก็คือเพลง “เพราะพระองค์ทรงอยู่” เนื้อร้องในตอนหนึ่งมีดังนี้ “เพราะพระองค์ทรงอยู่ ข้าเผชิญพรุ่งนี้ได้ เพราะพระองค์ทรงอยู่ความกลัวหายไป เพราะข้าแน่ใจ แน่ใจ พระองค์ทรงนำหน้า ข้าจะอดทนเพราะข้าแน่ใจ พระองค์ทรงอยู่…”             เนื้อหาของบทเพลงนี้เป็นหลักสำคัญของคริสเตียนทุกคนที่ฝังแน่นอยู่ในหัวใจ และยึดมั่นในการดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้าจนวันสุดท้ายของชีวิต เป็นความเชื่อที่มาจากการที่ทุกคนได้สัมผัสในพระคุณและความรักของพระเจ้า ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิตใหม่ อันเป็นผลที่ได้เกิดขึ้นในชีวิตของเราอย่างชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ เลยว่าวันนี้พระเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่และยังทรงเป็นอยู่ไปจนชั่วนิจนิรันดร์ ดังที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงตรัสกับบรรดาอัครสาวกและบรรดาผู้เชื่อทั้งหลายว่า “นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค” (มัทธิว 28:20)             ถ้าหากพระเยซูคริสต์ตายไปเหมือนมนุษย์ทั่วไปแล้ว ความเชื่อของคริสเตียนก็จบสิ้นทันที เพราะหลักสำคัญของความเชื่ออยู่ที่การทรงพระชนม์อยู่ของพระเยซูคริสต์ นี่คือหัวใจสำคัญของความเชื่อ เพราะความเชื่อไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักคำสอนในพระคัมภีร์…

Continue reading

“นักสู้ผู้ไม่มีวันแพ้”

ในการแข่งขันวิ่งมาราธอน 10 กิโลเมตร ครั้งหนึ่งมีนักวิ่งหลายร้อยคนได้เข้าร่วมในการแข่งขัน เมื่อได้สัญญาณเริ่มการแข่งขันนักวิ่งทุกคนก็ออกวิ่งมุ่งสู่หลักชัย พอการแข่งขันผ่านไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีนักวิ่งบางคนหมดแรงจะวิ่งต่อไปไม่ไหว บางคนก็ทยอยออกจากการแข่งขันไป จนในที่สุดการแข่งขันก็ดำเนินมาจนถึงกิโลเมตรสุดท้าย ปรากฎว่ามีนักวิ่งเหลือเกาะกลุ่มประมาณ 7-8 คน พวกเขาก็วิ่งเข้าใกล้เส้นชัย ยังเหลืออีกแค่ 60 เมตรสุดท้าย ท่ามกลางเสียงเชียร์ของบรรดาผู้คนมากมายที่คอยให้กำลังใจ ปรากฎว่ามีนักวิ่งคนหนึ่งสะดุดเท้าของตนเองล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เขาพยายามที่จะลุกขึ้นเพื่อวิ่งต่อไป แต่น่าเสียดายเท้าของเขาเกิดอาการบาดเจ็บแต่ก็ยังมีใจสู้ และในที่สุดคนอื่นๆ ก็วิ่งไปถึงเส้นชัยจนหมดแต่นักวิ่งใจสู้คนนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขายังมุ่งหน้ากัดฟันเดินเขยกๆ ต่อไปเพื่อจะเข้าไปถึงเส้นชัยให้ได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์และผู้คนที่ปรบมือให้พร้อมส่งเสียงให้กำลังใจดังสนั่น จนกระทั่งเขาเข้าสู่เส้นชัยได้สำเร็จ ในวันนั้นเขาไม่ได้รับเหรียญใดๆ แต่สิ่งที่เขาได้ก็คือหัวใจของคนที่อยู่ข้างสนามและเสียงเชียร์ที่เขาได้รับมากยิ่งกว่าผู้ชนะที่ได้รับเหรียญทองเสียอีก เช้าวันต่อมาหนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวว่า “นักสู้ใจสิงห์ผู้ล้มไปแล้ว…

Continue reading

“หันหน้าเข้าหากัน”

  เราเป็นอยู่อย่างนี้หรือเปล่าครับ เรากำลังตกอยู่ในสภาพที่กำลังหันหลังให้กับใครสักคนอยู่หรือเปล่า? หรือในทางกลับกัน มีใครสักคนกำลังหันหลังให้กับคุณอยู่หรือเปล่า? ถ้าหากมีจะด้วยเหตุผลหรือสาเหตุใดก็ตาม ผลเสียย่อมจะมีมากกว่าผลดีแน่นอน มาดูง่ายๆ ถ้าเราหันหลังให้กับใครสักคนหนึ่ง หน้าตาเป็นอย่างไรเราก็ไม่รู้ พูดคุยต่อหน้าต่อตาอย่างที่ควรจะเป็นก็ไม่ได้ จะหน้าบูดบึ้งหรือยิ้มแย้มหวานจ๋อยแค่ไหนก็ไม่เห็น จะใช้ได้ก็แค่เสียงส่วนการที่จะมองเห็นด้วยตานั้นถูกปิดสนิท ที่นี้ถ้าเราหันหน้าเข้าหากันเราจะเห็นความเป็นไปและความรู้สึกของกันและกันอย่างชัดเจน เราจะเห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหวานซึ้ง สายตาที่เปล่งเป็นประกายเต็มไปด้วยความรักและความเข้าใจอันดีต่อกันและกัน เห็นและสัมผัสได้ด้วยตาและคำพูด ต่างกันชนิดหน้ามือเป็นหลังมือใช่ไหมครับ นี่คือความแตกต่างระหว่างการที่เราหันหน้าเข้าหากันกับการหันหลังให้กัน             สังคมโลกเต็มไปด้วยคนสองจำพวกนี้ เมื่อใดที่เรามีความแตกต่างหรือความไม่สมดุลของการคบหาที่หาจุดยืนของแต่ละฝ่ายไม่เจอ เราก็หันหลังให้กันทันที ไม่ยอมพูดจาคบหากันอีก สังคมที่ต่างคนต่างอยู่ก็ขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ             ต้องหันมาใส่ใจต่อปัญหานี้ คงจะเมินมองข้ามเพราะคิดว่ามันไม่ได้เป็นปัญหาไม่ได้อีกแล้ว แก้ที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเรานี่แหละ เราหันหลังเมินหน้าหนีไปจากใครบางคนที่เราไม่สบอารมณ์…

Continue reading