“ยิ่งสูงวัย ยิ่งต้องรอบคอบและหนักแน่น”

วันนั้นคุณลุงวัยสูงอายุหิวจัดบึ่งมอเตอร์ไซด์ไปซื้อข้าวมันไก่เจ้าอร่อยมากล่องหนึ่ง พอถึงบ้านเปิดฝากล่องข้าวมันไก่ออกมาจะลิ้มรสของความอร่อย เมื่อเปิดฝากล่องโฟมที่ใส่ข้าวมันไก่ แกถึงกับตะลึงในกล่องมีแต่ข้าวมันแต่ไม่มีเนื้อไก่สักชิ้นเดียว ความโมโหหิวก็รีบปิดฝากล่องโดยไม่รีรอ คว้ากล่องข้าวมันไก่บึ่งไปที่ร้านขายข้าวมันไก่ทันที พอไปถึงวางกล่องลงต่อหน้าอาเฮียคนขาย ต่อว่าเสียงดังว่าขายข้าวมันไก่ยังไงเนื้อไก่ไม่มีสักชิ้นจะให้กินข้าวเปล่าๆ หรือยังไง หรือว่าตอนนี้ขายเฉพาะข้าวมันอย่างเดียวเนื้อไก่ไม่ขาย ฝ่ายอาเฮียคนขายก็ไม่โต้ตอบได้แต่ยิ้ม แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คุณลุงอย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมทำทุกอย่างถูกต้อง ไอ้ที่คุณลุงว่าผมให้ไปแต่ข้าวเปล่าๆ นั้นไม่จริงเลย คุณลุงเปิดฝากล่องผิดด้านต่างหาก เมื่อคุณลุงเปิดฝากล่องด่านล่างมันก็จะเห็นแต่ข้าว ต้องเปิดฝาด้านหน้าดูสิครับ” คุณลุงนิ่งอึ้งแล้วก็ยกกล่องโฟมข้าวมันไก่ที่แกวางลงกลับด้านอยู่นั้น ผลิกกลับเอาด้านหน้าขึ้นแล้วก็เปิดฝา เนื้อไก่นุ่มๆ วางอยู่บนข้าวให้เห็นตามปกติ จริงอย่างที่อาเฮียข้าวมันไก่บอก             หลายครั้งความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้  ก็เพราะเราขาดความรอบคอบไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะสำคัญหรือไม่สำคัญจะเล็กหรือใหญ่ยังไงก็ต้องมีความรอบคอบเข้าไว้ เพราะความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่รอบคอบทำเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องให้เป็นเรื่องเสมอ อย่างเรื่องของคุณลุงคนนี้…

Continue reading

“บำเหน็จชีวิต”

หากจะถามว่า “ใครอยากรวยยกมือขึ้น” ผมว่าทุกคนคงจะยกมือพร้อมๆ กันแน่ นี่ก็แสดงว่าทุกคนอยากจะร่ำรวยมั่งคั่งด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราคิดว่าถ้ารวยมีเงินทองก็จะสามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ แล้วชีวิตก็จะมีแต่ความสุขความสบาย             ถ้าเราจะมาดูตามทัศนะในพระวจนะธรรมคัมภีร์แล้ว ก็จะมีทัศนะที่แตกต่างไปจากที่เราคิด แต่พระวจนะธรรมก็ไม่ได้ต่อต้านคนที่ร่ำรวย แต่สอนให้เรารู้จักแก่นสารและความสำคัญก่อนหลังในความร่ำรวยมั่งคั่งของเรา กล่าวคือแทนที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่อการส่ำสมความร่ำรวยมั่งคั่งนั้น ก็ให้เราหันมาให้ความสำคัญต่อการส่ำสมความน่าเชื่อถือและเกียรติยศชื่อเสียงดีก่อน เพราะชื่อเสียงดีประวัติที่น่าชื่นชมจะดำรงคงอยู่ตลอดไป แต่เงินทองมีวันที่จะเสื่อมสูญไปไม่มีความจีรังยั่งยืน             ตัวอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ต่างทุ่มเทกายใจสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยมากกว่าที่จะคิดถึงคำนึงถึงชื่อเสียงและความน่านับถือในชีวิต บางคนถึงกับยอมขายตัวขายชีวิตและเกียรติยศชื่อเสียง และความเป็นคนเพียงเพื่อแลกกับความร่ำรวยที่ไม่จีรังก็มีให้เห็นมากมาย ในพระวจนะธรรมสุภาษิตกล่าวในเรื่องนี้ว่า “ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งที่ควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่ง” (สุภาษิต 22:1) คำว่า  “ชื่อเสียงดี” จึงหมายถึงการยอมรับต่อคนที่ทำดีมีคุณธรรมจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับจากผู้คนทั่วไป และยังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าอีกด้วย เพราะคนดีมีคุณธรรมนั้นเขาจะมีชีวิตที่เชื่อฟังทำตามพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ…

Continue reading

“มองโลกอย่างงดงาม”

ศาสนาจารย์มาโนช แจ้งมุขเขียนไว้ในหนังสือ “ร้อยแปดพันเก้า” เกี่ยวกับคนที่มองโลกอย่างงดงามไว้ดังนี้ เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อสมชาย เป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีอารมณ์ดีทุกเวลาและมองโลกในแง่ดี ทุกครั้งถ้ามีคนถามว่าชีวิตเป็นอย่างไร เขาจะตอบว่า “ถ้ามีแฝดอีกคนคงจะดีกว่านี้” ลูกน้องทุกคนก็รักในความเป็นผู้นำของเขา ใครมีปัญหาเขาจะอยู่ใกล้ๆ ปลอบใจ และชี้นำให้มองเห็นสิ่งดีจากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น วันหนึ่งผมอดสงสัยเรื่องนี้ไม่ได้จึงถามเขาว่า “มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าถึงได้มีอารมณ์ดีอย่างนี้ตลอดเวลา” เขาตอบว่า “ทุกวันตอนเช้าข้าถามตัวเองว่าวันนี้จะเลือกเป็นคนอารมณ์ดีหรืออารมณ์ร้าย ข้าก็จะเลือกข้อหนึ่งทุกที ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น ข้าก็มีสิทธิ์ว่าจะเลือกว่าตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์หรือจะเลือกที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นๆ ทุกครั้งที่มีใครบ่นให้ฟัง ข้ามีสิทธิ์ที่จะรับฟังคำบ่นหรือชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ดีกว่า ข้าจะเลือกด้านดีของชีวิตเสมอ” ผมแย้งกลับไปว่า “แต่อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะสิ” เขาตอบว่า “ถูกต้องชีวิตคือการเลือก เมื่อเราตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป…

Continue reading

“การให้ ชีวิตที่เลือกได้”

เราคงจะได้ยินอยู่เสมอว่า “ถ้าเราอยากจะได้สิ่งใด จงมอบสิ่งนั้นให้แก่ผู้อื่นก่อน แล้วเราก็จะได้สิ่งที่เราต้องการเพิ่มมากขึ้นด้วย”             นั่นก็หมายความว่า เราให้ไปเพียงแค่หนึ่งแต่สิ่งที่จะได้รับกลับมากกว่าเดิมหลายเท่า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อชาวนาปลูกข้าวเขาต้องการผลผลิตมากขึ้น เขาต้องให้ผลผลิตนั้นกลับคืนให้ผืนแผ่นดินมากขึ้น แล้วเขาจะได้รับผลเพิ่มกลับมาอีกหลายเท่าด้วยเช่นกัน หรือเมื่อคุณต้องการรอยยิ้มจากคนอื่น คุณก็ต้องมอบรอยยิ้มให้กับคนอื่นก่อน หรือเมื่อคุณต้องการความรักจากคนอื่น คุณก็ต้องมอบความรักให้คนอื่นก่อนเช่นกัน และเมื่อคุณช่วยเหลือคนอื่น เขาก็จะช่วยเหลือคุณเป็นการตอบแทนเช่นกัน ขณะเดียวกันมีคนพูดว่า “เขาได้ให้มาตลอดชีวิต แต่ไม่เห็นจะได้รับอะไรตอบแทนเลย” คนที่พูดอย่างนี้ส่วนมากมักจะเป็นคนที่ให้เพื่อหวังสิ่งตอบแทน เมื่อการให้ของเขาไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับคืนเขาก็จะไม่ให้อะไรแก่ใคร เขาจะให้ก็ต่อเมื่อเขาจะได้ผลตอบแทนจากการให้ของเขาเท่านั้น             ตามหลักของการให้จากพระวจนะธรรมคัมภีร์ได้บอกไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า “จงให้โดยไม่ได้หวังผลตอบแทน” ซึ่งก็หมายความว่าเราต้องให้ด้วยใจรัก รักที่จะให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น และก็เป็นการให้ในสิ่งดีๆ…

Continue reading

“วิธีของพระเจ้า ที่ต่างจากมนุษย์”

เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นเพียงอุทาหรณ์เพื่อเปรียบเทียบถึงวิธีของพระเจ้านั้นดีกว่าวิธีของเรา เราเองไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ผลที่ตามมาล้วนแต่เป็นสิ่งที่สร้างคุณค่าให้เราเกินกว่าจะเข้าใจได้             เรื่องอุทาหรณ์ดังกล่าวนี้มีอยู่ว่า ผู้รับใช้พระเจ้าท่านหนึ่ง กำลังอธิษฐานอยู่ทูตสวรรค์ได้มาปรากฏ ผู้รับใช้ก็อยากรู้ว่าวันๆ นั้นทูตสวรรค์ทำอะไรบ้าง จึงขอติดตามทูตสวรรค์ไปทุกที่ทูตสวรรค์ก็ยินยอม แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามพูดและห้ามซักถามใดๆ ทั้งสิ้นผู้รับใช้ก็รับปากแต่โดยดี             ทูตสวรรค์พาไปบ้านแรกที่เป็นบ้านของคริสเตียนกำลังจัดงานเลี้ยง เขาเห็นทูตสวรรค์ขโมยถ้วยทองคำจากบ้านหลังนั้นโดยไม่มีใครมองเห็น ผู้รับใช้ก็ตกใจว่าทำไมทูตสวรรค์ทำแบบนี้แต่ไม่กล้าถาม ทูตสวรรค์พาไปอีกที่หนึ่งเป็นถ้ำของพวกโจร ทูตสวรรค์ได้เอาถ้วยทองคำที่ขโมยมาจากบ้านแรกวางไว้ในถ้ำพวกโจร เมื่อโจรกลับมาดีใจมาก ผู้รับใช้ที่ติดตามไปด้วยชักไม่พอใจ มีข้อสงสัยในใจ “ทำไมทูตสวรรค์ทำแบบนี้ สงสัยไม่ได้ทำตามที่พระเจ้าสั่ง” แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะได้สัญญาไว้ ทูตสวรรค์ก็ได้พาผู้รับใช้ไปแห่งที่สาม เป็นกระท่อมของชายชรายากจน ทูตสวรรค์ปรากฎตัวเป็นหญิงสาว ให้ผู้รับใช้ปรากฏตัวเป็นเด็ก ชายชราพอเห็นผู้หญิงและเด็กมาก็ขอให้เฝ้าบ้านให้ตน…

Continue reading