สร้างความสมดุลในชีวิตด้วยแรงบันดาลใจและการคิดบวก

การออกกำลังกายท่าต่างๆ การฝึกการทรงตัวและการยืดกล้ามเนื้อ ท่าเหล่านี้จะต้องมีสมาธิในการปฏิบัติและต้องฝึกอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสร้างการทรงตัวที่ดี หากเรามีใจวอกแวก ขาดสมาธิ จะเสียการทรงตัวได้ง่าย แต่เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ การทำแบบนี้เป็นการสร้างความสมดุลให้กับเรา บ่อยครั้งที่เราเริ่มต้นแต่ละวันด้วยความคิดยุ่งเหยิงฟุ้งซ่าน ทำให้การดำเนินชีวิตประจำวันเสียศูนย์ สูญเสียความสมดุลในชีวิตของเราไป การได้พักเพื่อเริ่มต้นใหม่ทำให้เราได้ตระหนักว่า ต้องหยุดชีวิตที่วุ่นวาย ยุ่งยาก ขาดระเบียบวินัย เพื่อปรับหาความสมดุลใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเราจะรู้สึกว่าต้องพึ่งพากฎและระเบียบวินัยมากมายเมื่อเราลุกขึ้นในแต่ละวัน สิ่งรบกวนสมาธิก็เข้ามาหาเราไม่หยุดหย่อน แต่เมื่อเราเริ่มต้นวันใหม่ในแต่ละวัน ด้วยการหยุดนิ่งสงบใจผ่านการอธิษฐานขอการอวยพร และอ่านคำสอนจากพระคัมภีร์ และข้อความดีๆ เชิงบวก และนำมาซึ่งการสร้างแรงบันดาลใจ สิ่งเหล่านี้ก็จะช่วยเราให้สามารถดำเนินชีวิตด้วยความชื่นชมยินดี มีความสมดุลในชีวิต ไม่เสียการทรงตัว บทความจากเพจ “ส่งด้วยรัก ทักด้วยใจ”

Continue reading

การใส่ใจในเรื่องเล็กน้อย

การใส่ใจในเรื่องเล็กน้อย นำไปสู่ผลได้รับยิ่งใหญ่ทุกวันนี้เราจะเห็นถึงวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนที่มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ตามสถานการณ์ มีทั้งผู้ให้และผู้รับ นั่นก็คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังและส่งต่อกันมาด้วยการสอน การฝึกให้เป็นนิสัย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามและควรให้ความสำคัญ นั่นคือ “การใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” เพราะสิ่งนี้เองที่ช่วยหล่อหลอม และทำให้การดำเนินชีวิตของคนๆ นั้นเป็นคนที่มองโลกในด้านบวกมีจิตใจที่ละเอียดอ่อน และให้ความสำคัญกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องร้ายหรือดี เรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ซึ่งจะนำไปสู่ผลได้รับยิ่งใหญ่ในสิ่งที่เขาได้ทำได้หว่านลงไปด้วยความรักด้วยใส่ใจดังที่ในหนังสือพระคัมภีร์ได้สอนไว้ว่า “ถ้าผู้ใดจะเกณฑ์ให้ท่านเดินทางไปหนึ่งกิโลเมตร ก็ให้เลยไปกับเขาสองกิโลเมตร บทความจากเพจ ส่งด้วยรัก ทักด้วยใจ

Continue reading

“ความสุขจากการให้”

เมื่อพูดถึงความสุข  ความสุขไม่ใช่ผลจากการได้รับ แต่เป็นผลจากการให้  การให้คือความสุขที่สุด ผู้ใดหยิบยื่นความสุข ให้แก่บุคคลอื่น ผู้นั้นจะได้รับความอิ่มเอมใจและความสุข   การให้ความสุข…จึงเป็นความสุขทวีคูณ  ความสุขจากการให้  เราจะไม่มีวันรู้จักความสุขที่เกิดจากการให้ว่าเป็นอย่างไร นอกจากเราต้องเป็นผู้ให้ มีผู้คนมากมายที่ไม่มีความสุข  บางคนพึ่งพาอาศัยสิ่งที่คนอื่นๆ ทำให้มากเกินไป และถ้าใครให้อะไรบางอย่างที่ดีแก่เขา เขาก็มีความสุข แต่ถ้าไม่มีใครทำอะไรให้เป็นพิเศษ เขาก็รู้สึกไม่มีความสุข แต่ผู้ที่มีความสุขที่สุดนั้น ไม่ใช่เป็นผู้ที่ได้รับสิ่งของต่างๆ แต่เป็นผู้ที่ได้ให้กับคนอื่นๆ นั่นต่างหาก การให้นอกจากทำให้เรามีความสุขแล้ว ยังช่วยขัดเกลาและปรับปรุงจิตใจของเราโดยไม่รู้ตัว  ทำให้เราเห็นแก่ตัวน้อยลง ทำให้เรามีจิตใจอ่อนโยน  และที่สำคัญทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข และพระคำของพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า…

Continue reading

“เสียงครวญจากมุมมืด”

สิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินเข้าหูอยู่เสมอ นั่นก็คือเสียงโอดครวญจากบรรดาผู้คนที่ตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบากสารพัด เป็นสิ่งยืนยันความจริงที่ว่าชีวิตที่อยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากที่จะหาความสงบสุขในชีวิตได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่เพียงเท่านั้นมุมสว่างที่มีอยู่อย่างริบหรี่ที่พอจะทำให้เรามีความสุขได้บ้างนั้น ก็ค่อยๆ ดับหายไปทีละน้อย จนทำให้มุมมืดของสังคมเราเพิ่มเป็นวงกว้างออกไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยั้งได้             อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทุกชีวิตในโลกนี้ผันแปรเปลี่ยนไปจากคนที่เคยอยู่ในมุม “สว่าง” กลับเดินเข้าสู่ “ความมืดมิด” และอะไรคือหนทางหรือแนวทางที่จะนำพาให้เราหลุดพ้นจากความมืดมิดดังกล่าวนี้ และกลับไปสู่ความมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสงบสุขอีกครั้งได้             ต้องย้อนกลับไปที่พระประสงค์แรกเมื่อพระเจ้าได้ทรงเนรมิตสร้างโลกนี้มานั้น แน่นอนพระเจ้าประสงค์ที่จะให้โลกนี้เป็นโลกที่มีความสุข และมีความสงบร่มเย็นเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียมและมีความเสมอภาคเท่าๆ กัน เป็นโลกที่มีความสมบูรณ์แบบในรูปของดินน้ำลมไฟ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ความสมบูรณ์ดังกล่าวนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำของมนุษย์ ผิดไปจาก “แบบอย่าง” ที่พระเจ้ากำหนดไว้อย่างสิ้นเชิง คราวนี้ต้องมาดูว่า “แบบอย่าง” ที่พระเจ้าประสงค์จะให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุขนั้นเป็นอย่างไร?             พระเยซูคริสต์ตรัสว่า…

Continue reading

“เมื่อถูกซุบซิบนินทา”

  เกิดเป็นคนถ้าไม่เคยโดนนินทาก็คงจะไม่ใช่คน เพราะตามความเป็นจริงทุกคนคงเคยโดนคนนินทาแล้วทั้งนั้น มากบ้างน้อยบ้างก็สุดแต่ใครจะโดน มันก็เหมือนที่ว่า “นินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดไปกรีดหิน” ตามความหมายนี้ก็คือใครอยากจะนินทาก็ปล่อยให้เขานินทาไป เพราะมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเราเลยแม้แต่น้อย ก็เหมือนใครเอามีดไปกรีดหิน กรีดยังไงก็ไม่เข้าเพราะมันแข็ง นินทาก็นินทาไปเราไม่ได้เจ็บร้อนอะไรด้วยเลย             การนินทาคือ การตำหนิกล่าวหาลับหลัง ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราผู้ที่ถูกนินทานั้นผิดหรือถูกยังไม่แน่ชัด แต่ก็ขอให้ได้พูดได้นินทาติเตียนไว้ก่อนเพื่อความสบายปาก ถ้าจะพูดถึงสาเหตุของการนินทาส่วนมากจะเนื่องมาจากความไม่กินเส้นกันหรือไม่ชอบขี้หน้า เช่น บางคนบางครั้งอาจจะทำตัวเด่นเกินหน้าคนอื่นไปบ้าง หรือกำลังชอบผู้หญิงหรือผู้ชายคนเดียวกันอยู่ก็เลยหาสาเหตุไปพูดเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียหาย หรือไม่ก็อาจจะมีผลประโยชน์ขัดกัน หรือมีความคิดเห็นในบางเรื่องไม่เหมือนกัน มีอีกพวกหนึ่งไม่มีอะไรผิดพ้องหมองใจกันเลย เพียงแต่เป็นพวกประเภทปากอยู่ไม่สุข ถ้าได้นินทาก็จะสบายอกสบายใจ วันไหนไม่ได้นินทาใครก็คันปากไปทั้งวัน หรือบางคนชอบ “ให้ร้ายหรือใส่ร้ายป้ายสี”…

Continue reading