“หญ้าที่ถูกเหยียบย่ำ”

ผมเชื่อว่าทุกคนคงจะชอบต้นไม้ใบหญ้าทุกชนิด เพราะมันช่วยทำให้ชีวิตจิตใจเบิกบานสดใส นักปลูกและอนุรักษ์ต้นไม้ใบหญ้าเคยบอกผมว่า เคล็ดลับหนึ่งที่ช่วยทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตงอกงามได้อย่างเต็มที่นั้น ก็ต้องให้โอกาสเจอแดดฝนเจอลมตามธรรมชาติที่บ้างก็เจอน้อยเจอมากแล้วแต่ธรรมชาติของมัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้ต้นไม้ใบหญ้าเจริญเติบโตได้             หญ้าที่เราปลูกอยู่ในสนามก็เช่นกัน ถ้าอยากจะให้หญ้าแข็งแรงงอกงามแผ่ขยายเต็มพื้นที่อย่างแน่นหนาแล้วละก็ เราต้องออกแรงเดินเหยียบย่ำไปบนพื้นหญ้าที่ปลูกเอาไว้ให้ทั่วถึงทุกตารางเมตร เหยียบและย่ำอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งสองครั้ง ทำอย่างนี้เป็นประจำสม่ำเสมอหญ้าก็จะเจริญงอกงามแข็งแรง ผมทดลองดูแล้วได้ผลตามที่ว่านี้จริงๆ เป็นความรู้ใหม่หลังจากที่ผมเคยคิดตลอดมาว่า การเหยียบย่ำบนพื้นหญ้าจะทำให้หญ้าตาย             ถ้าจะนำข้อคิดนี้มาใช้เปรียบเทียบกับชีวิตของคนก็คงจะเหมือนกันนั่นแหละ ชีวิตคนเราถ้าไม่เจอปัญหาหรืออุปสรรคบ้าง ชีวิตก็จะเป็นไปอย่างคนที่ขาดรสชาติ จากการกระตุ้นที่จะช่วยทำให้เติบโตแข็งแรง ชีวิตก็จะขาดภูมิต้านทานต่อแรงเสียดสีทั้งหลาย แต่ถ้าหากถูกกระทบจากความยากลำบาก ต้องฝันฝ่ามรสุมทั้งน้อยใหญ่ชีวิตถูกเหยียบย่ำบ้างไม่ว่าจะหนักเบาอย่างไร จะทำให้เราเกิดภูมิต้านทานที่ทำให้เรามีความเข้มแข็งรับกับความท้อแท้เหน็ดเหนื่อย หรือหมดหวังและสิ้นหวังทั้งหลายได้ พร้อมๆ กับชีวิตที่ยืนหยัดฟันฝ่าอุปสรรคอยู่รอดปลอดภัย จนกระทั่งเราสามารถยืนหยัดอย่างผู้ชนะได้อย่างสง่าผ่าเผย             ให้ระลึกเสมอว่าอุปสรรคคืออุปกรณ์ที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จและชัยชนะ…

Continue reading

“ที่พึ่งในยามยาก”

เมื่อเกิดปัญหาหรือพบกับความยากลำบากในชีวิต ปัญหาที่เจออยู่เสมอคือ ขาดที่พึ่งยามยาก บางคนถึงกับบอกว่า ใครที่ตกอยู่ในสภาพนี้ ชีวิตจะมีแต่ความท้อแท้หมดสิ้นความหวัง เพราะคนรอบข้างที่เราหวังพึ่งอาศัยจะเมินหน้าหนีหายไปหมด ยิ่งวันนี้ผู้คนส่วนมากจะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจไปหมด หรือไม่ก็จะตกอยู่ในสภาพเจอความยากลำบากเข้าบ้างเหมือนกัน สรุปแล้วยามลำบากหรือมีปัญหานั้น จะหวังให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยก็คงยาก วันนี้ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหารุมเร้าชีวิต จนเกิดความท้อแท้ทุกข์ใจ ขออย่าได้ถอดใจหรือสิ้นหวัง ให้พิจารณาข้อความอันเป็นคำมั่นสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่ให้ไว้แก่เราทุกคน ที่จะได้มีความหวังเหมือนเช่นกับผู้คนอีกมากมายที่ได้พบความหวังที่มาจากพระเยซูคริสต์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณและความรักต่อเราทุกคน และทรงพร้อมจะเป็นที่พึ่งของเราได้ในทุกปัญหาและทุกสภาวการณ์ของชีวิต พระสัญญาดังกล่าวนี้มีดังนี้ “เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้เพราะเขารู้จักนามของเรา เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบากเราจะช่วยให้เขาพ้นและให้เกียรติเขา” (สดุดี 91:14-16) นี่คือคำมั่นสัญญาของพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงพระชนม์อยู่ในวันนี้และสืบๆ ไปเป็นนิตย์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เต็มไปด้วยความรัก…

Continue reading

“ชีวิตที่อยู่ในอุ้งหัตถ์พระเจ้า”

เมื่อใดที่เราได้มอบชีวิตทั้งหมดให้กับพระเจ้าแล้ว เราไม่มีสิทธิ์ที่จะกำหนดชีวิตตามใจต้องการของเราอีกต่อไป เพราะพระเจ้าจะทรงเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา โดยพระเจ้าจะทรงดูแลทุกวิถีทางของชีวิตเรา เหมือนบิดาที่ดูแลลูกที่ตนรักอย่างไร พระเจ้าก็ทรงกระทำอย่างนั้นเช่นกัน                  ทุกก้าวเดินของเรานั้นจะมีคำตอบจากพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเราตลอดเส้นทางเดินของชีวิต ซึ่งสำหรับลูกของพระองค์ทุกอย่างจะต้องอยู่ในกรอบที่ว่า “อะไรดีอะไรเป็นที่ชอบและอะไรยอดเยี่ยม” ซึ่งพระเจ้าจะทรงร่วมมือกับคนที่รัก และเชื่อฟังให้บังเกิด “ผลอันดี” นี่คือน้ำพระทัยแผนการของพระเจ้าที่มีต่อเราทุกคน                  ดังนั้น ชีวิตของผู้ที่รักพระเจ้าจึงต้องขึ้นอยู่กับ “ความเชื่อและความไว้วางใจ” ในพระเจ้าเป็นหลัก ซึ่งไม่ว่าอะไรทั้งดีหรือร้ายเกิดขึ้น อันเกิดจากความผิดพลาดที่บางครั้งเราเผลอตัวขาดความเชื่อฟัง พระเจ้าก็ให้โอกาส และนำพาเรากลับสู่เส้นทางของพระองค์ที่วางไว้สำหรับเราเสมอ                  หน้าที่ของเรานั้นจึงต้องเชื่อวางใจในพระสัญญาของพระเจ้าอย่างคงเส้นคงวา โดยปราศจากความสงสัย เพราะความสงสัยคือ ตัวทำลายความเชื่อที่จะทำให้เราเกิดความไม่มั่นใจหรือขาดความไว้วางใจ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็มีผลกระทบต่อความเชื่อของเราได้เหมือนกัน…

Continue reading

“ถ้าไม่ลองทำจะรู้ได้อย่างไร”

  หลายครั้งที่เราลองผิดลองถูกอยู่บ่อยๆ เพราะคิดว่าสิ่งที่เรากำลังลองทำอยู่นั้นเป็นการมาถูกทางแล้ว แต่พอทำไปสักพักก็ชักไม่แน่ใจ แล้วเกิดความลังเลใจ แล้วก็บอกกับตัวเองว่าหากขืนเดินต่อไปจะพบความผิดหวังแน่นอนจึงตัดสินใจไม่เดินต่อไป ตอนนี้เองที่ความไม่มั่นใจจะเกิดขึ้น และก็ทำให้เกิดอาการขยาดกลัวไม่กล้าลองทำอีกครั้ง             ใครก็ตามถ้าชีวิตมาถึงจุดนี้อย่าเพิ่งตัดสินใจ ต้องทำใจให้หนักแน่นไว้อย่าให้มีความคิดใดๆ ที่จะทำให้เกิดการบั่นทอนความตั้งใจของเรา ให้กำลังใจตัวเองแม้จะเป็นการเข้าข้างตัวเองก็จำเป็นต้องทำ อย่าให้ความคิดใดๆ เข้ามาครอบงำเราได้             ให้ถือเสียว่าการหยุดเดินหน้าของเรามันเป็นแค่การปรับตัว เพื่อการเดินหน้าต่อไปสู่ความสำเร็จ ก็จะต้องลองอีกครั้งหรือหลายๆ ครั้ง ก็ต้องพร้อมที่จะลอง เพราะโอกาสยังมีสำหรับคนที่ต้องการจะลองอยู่เสมอ ถ้าหากโอกาสจะปิดก็คงเป็นตัวเราเองนั่นแหละที่จะปิดได้ การลองทำอีกครั้งไม่ได้เสียหายอะไร เพราะถ้าเราไม่ลองทำแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าประตูแห่งความสำเร็จสำหรับเราได้ถูกปิดไปเรียบร้อยแล้ว             อย่าผลีผลามรีบร้อนใดๆ ใช้ความนิ่งแล้วใคร่ครวญถึงสาเหตุที่ทำให้เราต้องหยุดในครั้งที่ผ่านมา พิจารณาใคร่ครวญถึงสาเหตุต่างๆ ที่พลาดพลั้งมานั้นเพื่อประเมินผลและปรับปรุงเพื่อการเริ่มต้นอีกครั้ง…

Continue reading

“เก็บเกี่ยว”

แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่” (มัทธิว 9:37) “นี่แหละคนที่หว่านเพียงเล็กน้อยก็จะเกี่ยวเก็บได้เพียงเล็กน้อย คนที่หว่านมากก็จะเกี่ยวเก็บได้มาก” (2 โครินธ์ 9:6)             เกษตรกรมีหน้าที่ในการหว่านและภาระในการเก็บเกี่ยว เป็นภาระที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วยใจและความรับผิดชอบ เพราะจะส่งผลไปถึงความสำเร็จทั้งการหว่าน และการเก็บเกี่ยวในวันหน้าอีกด้วย             ในทำนองเดียวกัน ผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์เราทุกคนมีหน้าที่เป็น “กระบอกเสียง” ในการหว่านพระกิตติคุณ อันเป็นข่าวประเสริฐแห่งการรอดพ้นบาปของมวลมนุษย์ชาติผู้ตกอยู่ในความบาป เพื่อนำเขาเหล่านั้นกลับมาสู่ “ความสว่างแห่งชีวิตใต้ร่มพระคุณและความรักของพระเจ้าอีกครั้ง” ตามคำสั่งของพระเยซูคริสต์ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับสู่สวรรค์ ไม่เพียงแต่จะต้องหว่านพระกิตติคุณเพียงอย่างเดียว แต่เรายังมีหน้าที่ในการ “เก็บเกี่ยว” ผลของการหว่านจนกว่าจะนำผู้หลงหายให้กลับเข้ามาอยู่ในร่มพระคุณของพระเจ้าได้สำเร็จ ภาระหน้าที่ของผู้หว่านและผู้เก็บเกี่ยวจึงจะเสร็จครบสมบูรณ์ ตามคำสั่งของพระเยซูคริสต์ที่ให้ไว้แก่เรา…

Continue reading