“ก่อนนอน…ภาระหนักต้องพักไว้ก่อน”

บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องจุกจิกเกินไป ถ้าจะพูดถึงการทำให้สมองปลอดโปร่งก่อนเข้านอน แต่ความจริงแล้วเรื่องเล็กๆ อย่างนี้แหละที่ทำให้เราล้มตัวลงนอนก่อนหลับอย่างมีความสุขได้ มีหลายคนที่เคยบ่นกับผมว่า แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมประจำวันหรือภาระในแต่ละวันก็ตาม ครั้นเวลาหัวถึงหมอนกลับตาแข็งหลับไม่ลง เพราะไม่รู้สารพัดเรื่องมันมาจากไหนประดังเข้ามาเต็มสมอง ทั้งเรื่องที่น่าจะลืมหรือเรื่องที่ไม่น่าจะเก็บมาคิด มันก็รอเข้าคิวให้เราคิดอยู่เต็มไปหมดแล้วทำให้หลับไม่ลง             ช่วงเวลาที่คนเราจะได้พักผ่อนจริงๆ และอย่างเต็มที่ที่สุดก็คือช่วงเวลาที่เรานอนหลับ หลังจากที่เราทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เจออะไรที่เครียดมากมายสิ่งที่ต้องทำคือต้องพยายามเคลียร์สมองให้ปลอดโปร่งอย่าให้มีอะไรที่ทำให้เครียดเหลืออยู่เลย เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมรวมทั้งจิตใจของเราด้วยจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ปราศจากเรื่องหนักใจหรือเรื่องกวนใจใดๆ มารบกวน             ดังนั้น หากมีปัญหาเรื่องหนักใจ และกวนใจมาเป็นอุปสรรคของการพักผ่อนหลับนอนแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ทุกวันเมื่อกลับมาถึงบ้านให้คุณหยุดคิดและหยุดกังวลถึงเรื่องงานหรือปัญหาต่างๆ ที่คุณเจอในวันนั้น แล้วพยายามพูดคุยในเรื่องเบาๆ สนุกสนานกับทุกคนในครอบครัวอย่างเต็มที่ คิดเสียว่าวันนี้มันผ่านไปแล้วสำหรับภาระความรับผิดชอบของเรา หากจะมีสิ่งใดที่ยังหลงเหลือคั่งค้างอยู่ ก็รอจัดการต่อไปในวันรุ่งขึ้น…

Continue reading

“มาอธิษฐานขอพระเจ้าทรงขจัดจิตใจที่ยังโกรธอยู่ของเราออกไปด้วยกันเถิด”

พระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่ และอย่าให้โอกาสแก่มาร เอเฟซัส 4:26-27 สรรเสริญโมทนาขอบพระคุณพระเจ้า พระผู้ทรงอภัยเสมอ แม้ความผิดบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นมีมากมาย แต่ความรักและการอภัยจากพระองค์นั้นมีมากกว่า ข้าแต่พระเจ้า ในเวลานี้ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตานำใจขมขื่น ใจขัดเคือง และใจโกรธ ออกไปจากชีวิตจิตใจของข้าพระองค์ด้วยเถิด ขอพระองค์ทรงประทานใจถ่อมลงทุกอย่าง ใจอ่อนสุภาพอดทนนาน ใจอดกลั้น ใจเมตตา ใจเอ็นดู และอภัยโทษต่อพี่น้องที่ได้กระทำผิดต่อข้าพระองค์ เหมือนดังที่พระองค์ได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ข้าพระองค์ในพระคริสต์นั้นด้วยเถิด เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำคงามบาปผิดต่อพระองค์และต่อพี่น้อง ทูลขอต่อพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

Continue reading

“ข้อคิดจากเศษกระดาษ”

กำลังเก็บกวาดเศษขยะภายในบ้านก็เหลือบไปเจอกระดาษแผ่นหนึ่ง หยิบขึ้นมาอ่านมีข้อความดังนี้ “ถ้าคิดว่ายังไหวจงอย่าหยุด ถ้ารู้ว่าดึงถึงที่สุดก็อย่าฝืน” เป็นหลักปรัชญาของกีฬา “ชักเย่อ” ที่แข่งขันการดึงเชือกของนักกีฬาที่อยู่คนละปลายเชือกต้องออกแรง “ดึง” สู้กับอีกฝ่ายเพื่อเอาชนะให้ได้             ถ้าจะนำมาเปรียบกับคนเราที่เป็นเหมือนนักชักเย่อที่วันต่อวันเราต้องออกแรง “ดึง” สู้ชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามสารพัด แม้ไม่อยากสู้ก็ตามแต่จำเป็นต้องสู้เพื่อความอยู่รอดของชีวิต หยุดหรือยอมแพ้เมื่อไรเราก็จะไม่มีที่ยืนในสังคมโลกเหมือนคนอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องสู้จนกระทั่งหมดลมหายใจโน่นแหละถึงจะหยุดได้ ด้วยเหตุนี้เองเราจึงต้องมีหลักในการสู้กับชีวิต และปรัชญาแห่งการต่อสู้ของกีฬาชักเย่อก็น่าจะนำมาใช้ได้สำหรับการต่อสู้กับ “ชีวิต” ของเราบ้าง             ทุกคนที่เกิดในโลกนี้ล้วนแต่ต้องมีหน้าที่และภาระของการเป็น “นักสู้ชีวิต” โดยไม่มีเว้นแม้แต่คนเดียว เป็นการต่อสู้เพื่อความเป็นความตายของชีวิตเพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย จากหลักปรัชญาของการต่อสู้ของนักกีฬาชักเย่อที่ผมได้พบบนแผ่นกระดาษแผ่นนั้นได้บอกเป็นข้อคิดไว้ว่า หลักของการออกแรงสู้นั้นทำอย่างไรเราจึงจะเป็นผู้ชนะได้ จะสู้อย่างไรสู้เพื่อยู่หรือสู้จนตาย? ในปรัชญานักชักเย่อบอกไว้ว่า “สู้เต็มกำลังที่เรามีอยู่…

Continue reading

“มาอธิษฐานขอพระเจ้าทรงรักษาความเจ็บไข้ของพี่น้องและของเรากันเถิด”

พระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า เมื่อเขานอนเจ็บ พระเจ้าทรงค้ำจุนเขา เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย สดุดี 41:3 สรรเสริญพระเจ้า พระผู้ทรงเป็นแทพย์ผู้ประเสริฐสูงสุด พระองค์ทรงนำการรักษาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นแก่ประชากรของพระองค์ได้ทั้งสิ้น ทั้งความเจ็บไข้ได้ป่วยทางกายหรือทางฝ่ายจิตวิญญาณอันเป็นโรคบาปนั้น ในเวลานี้ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาระลึกถึงบรรดาพี่น้องของข้าพระองค์ที่กำลังเผชิญกับความเจ็บป่วยและโรคภัยต่างๆ ขอพระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ของพระองค์แตะต้องรักษาให้หายดี ขอพระองค์ทรงรักษาผ่านทางความเชื่อ ผ่านทางกระบวนการทางแพทย์และยา และผ่านทุกสิ่งที่ทานเข้าไปให้เกิดผลในการรักษาให้หายดีแก่พี่น้องของข้าพระองค์ด้วยเถิด เพื่อเขาเหล่านั้นจะได้สรรเสริญขอบพระคุณพระองค์และเป็นพยานถึงการรักษาของพระองค์ต่อไป ทูลขอต่อพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

Continue reading

“ยิ่งสูงวัย ยิ่งต้องรอบคอบและหนักแน่น”

วันนั้นคุณลุงวัยสูงอายุหิวจัดบึ่งมอเตอร์ไซด์ไปซื้อข้าวมันไก่เจ้าอร่อยมากล่องหนึ่ง พอถึงบ้านเปิดฝากล่องข้าวมันไก่ออกมาจะลิ้มรสของความอร่อย เมื่อเปิดฝากล่องโฟมที่ใส่ข้าวมันไก่ แกถึงกับตะลึงในกล่องมีแต่ข้าวมันแต่ไม่มีเนื้อไก่สักชิ้นเดียว ความโมโหหิวก็รีบปิดฝากล่องโดยไม่รีรอ คว้ากล่องข้าวมันไก่บึ่งไปที่ร้านขายข้าวมันไก่ทันที พอไปถึงวางกล่องลงต่อหน้าอาเฮียคนขาย ต่อว่าเสียงดังว่าขายข้าวมันไก่ยังไงเนื้อไก่ไม่มีสักชิ้นจะให้กินข้าวเปล่าๆ หรือยังไง หรือว่าตอนนี้ขายเฉพาะข้าวมันอย่างเดียวเนื้อไก่ไม่ขาย ฝ่ายอาเฮียคนขายก็ไม่โต้ตอบได้แต่ยิ้ม แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คุณลุงอย่าเพิ่งโกรธสิครับ ผมทำทุกอย่างถูกต้อง ไอ้ที่คุณลุงว่าผมให้ไปแต่ข้าวเปล่าๆ นั้นไม่จริงเลย คุณลุงเปิดฝากล่องผิดด้านต่างหาก เมื่อคุณลุงเปิดฝากล่องด่านล่างมันก็จะเห็นแต่ข้าว ต้องเปิดฝาด้านหน้าดูสิครับ” คุณลุงนิ่งอึ้งแล้วก็ยกกล่องโฟมข้าวมันไก่ที่แกวางลงกลับด้านอยู่นั้น ผลิกกลับเอาด้านหน้าขึ้นแล้วก็เปิดฝา เนื้อไก่นุ่มๆ วางอยู่บนข้าวให้เห็นตามปกติ จริงอย่างที่อาเฮียข้าวมันไก่บอก             หลายครั้งความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้  ก็เพราะเราขาดความรอบคอบไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม จะสำคัญหรือไม่สำคัญจะเล็กหรือใหญ่ยังไงก็ต้องมีความรอบคอบเข้าไว้ เพราะความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่รอบคอบทำเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่องให้เป็นเรื่องเสมอ อย่างเรื่องของคุณลุงคนนี้…

Continue reading