“สิ่งที่ฝันมันเป็นไปได้”

กล่าวกันว่าชีวิตคนนั้นจะยิ่งใหญ่ยังไงนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับขนาดของความฝันที่เรามี เพราะความฝันนั้นคือ ประตูของการเริ่มต้นที่จะนำเราไปสู่ความสำเร็จตามความฝันของเราแต่ละคน ดังนั้น เมื่อเราจะเริ่มสร้างความฝัน ต้องฝันให้ใหญ่กว่าที่คุณเคยฝัน แล้วชีวิตคุณจะรุ่งโรจน์กว่าที่คุณเคยเป็นมาก่อน เพราะเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องฝึกตัวเองในอันดับแรกก็คือ กล้าที่จะฝันและฝันให้ใหญ่กว่าที่เคยเป็น มันก็เช่นเดียวกับการสร้างบ้าน เริ่มแรกเราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราชอบบ้านแบบไหน ห้องแต่ละห้องจะแบ่งสรรเนื้อที่ออกเป็นอย่างไร จะใช้สีอะไรในแต่ละห้อง ต้องลงรายละเอียดทั้งหมด โดยมีการออกแบบให้ชัดเจน แล้วจึงค่อยลงมือก่อสร้างไปตามแบบแปลนที่ได้วางเอาไว้ การสร้างชีวิตก็เช่นกัน เราต้องเห็นภาพความสำเร็จโดยรวมก่อนว่า ชีวิตเราจะเดินไปในรูปแบบใด ชีวิตที่เราใฝ่ฝันไว้นั้นเราอยากจะเป็นอย่างไร? รายละเอียดของชีวิตเราในแต่ละด้าน เช่น ด้านการงาน การเงิน ชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว สุขภาพ ความสัมพันธ์ทั่วๆ ไป…

Continue reading

“หว่านสิ่งใด..ได้ผลสิ่งนั้น”

เรามักจะคุ้นกับประโยคที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” หรือ “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” ซึ่งก็เป็นสัจธรรมของชีวิตทุกคนที่จะหลีกหนีไม่พ้น เหมือนที่เราปลูกข้าวเราก็จะได้ข้าว หรือปลูกพืชอะไรก็จะได้ผลหรือพืชอย่างนั้น ตามหลักที่พระวจนะธรรมได้กล่าวไว้ตรงกันว่า “บุคคลผู้ใดหว่านพืชอย่างใด ก็จะเกี่ยวเก็บผลอย่างนั้น” ถ้อยคำดังกล่าวคือหลักความจริงของชีวิตที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ใครประกอบกรรมดีชั่วอย่างไร เขาก็จะได้รับผลจากการกระทำทั้งสิ้นที่ได้ทำไป ต่างกันเพียงแต่ระยะเวลาเท่านั้นที่เร็วหรือช้าไม่เหมือนกัน ในหลักคำสอนของทุกศาสนาต่างก็ยืนยันตรงกันในเรื่องนี้ หรือแม้แต่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ก็ยังเห็นว่า การกระทำใดๆ ก็ตามจะได้รับผลตอบแทนตามการกระทำนั้นๆ แน่นอนซึ่งในพระวจนะธรรมได้บอกไว้ดังนี้ “บุคคลผู้ใดหว่านพืชอย่างใด ก็จะเกี่ยวเก็บผลอย่างนั้น” ไม่ว่าใครก็ตามจะทำดีหรือทำชั่ว เขาเองก็จะได้รับผลตามกระกระทำนั้นๆ ซึ่งก็เป็นการเตือนให้เราเลือกที่จะทำดีหรือชั่ว อยู่ที่ตัวเราเป็นผู้เลือกเอง คือเลือกอะไรก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างนั้น แม้จะชัดเจนอย่างนี้ก็ตาม แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ละเลยไม่มีความเกรงกลัวในการที่จะทำสิ่งผิดบาปทั้งหลายโดยเจตนา…

Continue reading

“คุณงามความดีที่ต้องรักษาไว้”

ดูเหมือนว่าวันนี้เรากำลังจะสูญเสียคุณงามความดี ตามวัฒนธรรมประเพณีของเราไป หนึ่งในนั้นก็คือ “ความอ่อนน้อมถ่อมตน” ไม่ว่าจะเป็นการแสดงกิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนด้วยการเดินก้มตัวเมื่อเดินผ่านหน้า หรือการไหว้และรับของ หรือการแสดงความเกรงใจให้เกียรติด้วยการให้คนอื่นไปก่อน สิ่งเหล่านี้กำลังจะหายไป ทำให้ความดีงามที่เราเคยมีกำลังจะหายไป ตราบใดที่ความเย่อหยิ่งและความเห็นแก่ตัว ยังมีอิทธิพลอยู่เหนือจิตใจของมนุษย์อยู่อย่างนี้ สิ่งดีๆ ที่เป็นความดีงามก็อาจจะเปลี่ยนไปในอีกรูปแบบหนึ่งได้ และเมื่อนานเข้าจะทำให้เราชินกับมัน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป ต้องยอมรับว่าคุณงามความดีที่เคยเป็นหลักของความเป็นผู้ดีในยุคก่อนๆ วันนี้กำลังจะเปลี่ยนไป คนที่มีความสามารถฉลาดเกินคน แม้จะขาดความมีคุณสมบัติแห่งคุณงามความดีก็ตาม จะกลายเป็นผู้มีมาตรฐานสูงที่ได้รับการยกย่อง ส่วนคนที่เคยสร้างคุณงามความดีอย่างคนยุคก่อนกลับเป็นคนที่ถูกลืมไป มิหนำซ้ำยังถูกมองว่า เป็นคนตกยุคอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อคุณงามความดีมีศีลธรรมตกต่ำลง ผู้คนเริ่มตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัว ที่มิใช่สิ่งที่พระเจ้ากำหนดให้ทำเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมแต่อย่างใด แต่ทำเพื่อสนองความต้องการและผลประโยชน์ของตนเท่านั้น ส่วนการทำเพื่อผู้อื่นนั้น ไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย…

Continue reading

“เคล็ดลับแห่งความสุข”

สิ่งที่เราทุกคนต่างก็มีความปรารถนา อยากจะให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราก็คือ “ความสุข” ยิ่งเรามีความทุกข์มากเท่าไร ความสุขก็เป็นสิ่งที่เราอยากจะได้มากขึ้นเท่านั้น  ความสุขจึงเป็นเสมือนอาหารทิพย์ สำหรับหล่อเลี้ยงชีวิตของคนเราทุกคนที่จะขาดไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เราต่างก็ดิ้นรนแสวงหาทางที่จะนำมาซึ่งความสุขให้แก่ตัวเราเองแต่ละคนในทุกวิถีทาง บ้างก็พบบ้างก็ผิดหวังคละกันไป และตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ ทุกคนก็ไม่ท้อที่จะแสวงหาจนกว่าเขาจะได้พบ หรือต่อเมื่อดินกลบหน้าเท่านั้นการค้นหาและแสวงหาความสุขจึงจะได้ยุติลง สิ่งที่จะนำมากล่าวต่อไปนี้คือ “เคล็ดลับแห่งความสุข” ที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงมอบไว้ให้เรา เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกิจอยู่ในโลกนี้ เป็นเคล็ดลับที่เป็นความจริงและเป็นชีวิต ซึ่งจะสัมผัสได้ด้วยความเชื่อ ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังเป็นคำสัญญาของพระเยซูคริสต์ อันเป็นหลักประกันแก่เราทุกคนถึงสิ่งที่เราจะได้รับ และมีผลนำไปสู่ความสุขอันแท้จริง ซึ่งพระเจ้าทรงมีส่วนสำคัญในความสุขดังกล่าวนี้ด้วยพระองค์เอง เราจึงเป็นเพียงผู้รับความสุขดังกล่าวนี้ที่มาจากพระคุณและความรักของพระเจ้าเท่านั้น “บุคคลผู้ใดโศกเศร้าผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับการปลอบประโลม” คนใดที่รู้ว่าชีวิตเขาต้องการผู้ช่วย เมื่อเขาได้มอบชีวิตไว้ในการดูแลของพระเจ้า เขาก็จะได้รับชีวิตที่ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ ที่มีพระเจ้าดูแลคุ้มครองชีวิตและจิตวิญญาณของเขา เขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่…

Continue reading

“เป้าหมายชีวิตต้องชัดเจน” (กรุณาคลิ๊กอ่านที่หัวเรื่อง)

ข้าพเจ้าเคยพูดคุยกับผู้คนหลายคนเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิต ได้พบว่ามีน้อยคนที่บอกว่าเขาตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้แล้ว แต่ก็มีบางคนที่บอกว่ายังไม่เคยตั้งเป้าหมายไว้ แต่ถึงตั้งก็ไม่ได้ทำ หรือทำแล้วแต่ไม่สำเร็จ ก็จะเป็นแรงกดดันตัวเองไปเปล่าๆ ดังนั้น เขาก็ปล่อยทุกอย่างไป ตามยถากรรมอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด แต่ก็ยังมีคนอีกมากมายที่ยังไม่เคยตั้งเป้าหมายชีวิตเลย หากเป็นเช่นนี้ต้องเริ่มทำก่อนที่จะหมดโอกาส เพราะวันเวลามันกำลังผ่านไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจะย้อนกลับมารอเราอีก การตั้งเป้าหมายสำหรับชีวิตจะทำให้เรามองเห็นเส้นชัยของเป้าหมาย และเป้าหมายและความตั้งใจก็คือวันหนึ่งข้างหน้า เราจะมุ่งมั่นไปคว้าเส้นชัยนั้นให้จงได้ ด้วยเหตุนี้เป้าหมายในชีวิตจึงต้องชัดเจน ส่วนชีวิตที่ไร้เป้าหมายก็เหมือนกับชีวิตที่ไม่มีเส้นชัย เดินหรือวิ่งไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะขาดจุดหมายและเป้าหมายที่ชัดเจน ชีวิตจึงยากที่จะพบความสำเร็จได้ สำหรับคนที่วางเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน เป้าหมายก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เรามุ่งมั่นไปสู่เส้นชัยให้สำเร็จ แม้จะยากลำบากแค่ไหน เราก็จะมีความสำเร็จเป็นรางวัลชีวิตรออยู่ข้างหน้า ดังนั้น การตั้งเป้าหมายชีวิตจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เกิดความพยายามมุ่งมั่น ทุ่มเท เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จของชีวิตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้…

Continue reading