ธรรมชีวิตประจำวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2025 “ผ่านประตูที่ปิดอยู่”

ยอห์น 20:19, 26 – ค่ำวันนั้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ เมื่อสาวกปิดประตูห้องที่พวกเขาอยู่แล้ว เพราะกลัวพวกยิว พระเยซูได้เสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขาตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด” … ครั้นล่วงไปแปดวันแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์อยู่ด้วยกันในบ้านนั้นอีก และโธมัสก็อยู่กับพวกเขาด้วย ประตูปิดแล้ว แต่พระเยซูเสด็จเข้ามาประทับยืนอยู่ท่ามกลางเขา และตรัสว่า “สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด”

คุณเคยรู้สึกถูกปฏิเสธ เหมือนโดนปิดประตูใส่หน้าหรือไม่ สำหรับข้าพเจ้าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเด็กคนหนึ่งในห้องเรียนของข้าพเจ้าเรียกครอบครัวของเราว่า “คนเช่าบ้าน” โดยทางเทคนิคแล้วเราก็เป็นอย่างนั้น แต่เขาพูดราวกับว่านั่นคือทั้งหมดที่เขาเห็นเราเป็น และทั้งหมดที่เราเคยเป็น คุณพ่อของข้าพเจ้าลาออกจากงานแล้วไปศึกษาต่อเพื่อจะได้เป็นครู และในช่วงเวลานั้นเราเช่าบ้านหลังเล็กในเมืองเล็กๆ บนถนนดินซึ่งห่างจากวิทยาลัยที่คุณพ่อเรียนอยู่ประมาณไม่ถึงสองกิโลเมตร เราต้องอยู่ที่นั่นแค่สองปี แต่เด็กๆ ส่วนใหญ่ในห้องเรียนของข้าพเจ้าอยู่ในที่นั่นมาตลอด บ้างก็อยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว สำหรับเขาแล้ววันแรกของเด็กม. 2 ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาเดินผ่านประตูโรงเรียนเดิมมาตั้งแต่ชั้นอนุบาลแล้ว เมื่อข้าพเจ้าเดินผ่านเด็กพวกนั้นในตอนเช้า มือของข้าพเจ้าเปียกไปด้วยเหงื่อ ข้าพเจ้าเป็นคนนอก แม้ว่าการเริ่มต้นเข้าห้องเรียนอาจจะไม่มีอะไรขัดขวาง แต่ขอบเขตทางสังคมยังมีการปิดกั้นอยู่

เมื่อมีอุปสรรคทางสังคมระหว่างผู้คน เขาก็มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงกัน แยกตัวกัน บางครั้งถึงกับหลบหนี แรงจูงใจของพฤติกรรมนี้มักมาจากรากเหง้าของความกลัว การก้าวข้ามอุปสรรคหมายถึงการเปลี่ยนแปลง และการเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานใดๆ ก็อาจสร้างความกังวลได้ ในกรณีอื่นๆ คนนอกถูกเมินเฉยเพราะคนในกลัวว่าจะถูกรบกวน ถูกท้าทาย หรืออาจถูกประนีประนอมและถูกทำให้ด่างพร้อย กลุ่มหนึ่งอาจกลัวว่าจะสูญเสียสิ่งดีที่ตนมีอยู่ ส่วนอีกกลุ่มอาจกลัวว่าจะสูญเสียสิ่งที่คิดว่าตนได้รับมา และบางครั้งเราเมินเฉยต่อผู้คนเพราะมีส่วนหนึ่งในตัวเราที่เชื่อว่าโลกสามารถแบ่งแยกได้ระหว่างคนดีกับคนชั่ว และนั่นคือ “พวกเราต่อสู้กับพวกเขา” ดังนั้น เพื่อปกป้องตัวเอง เราจึงปิดประตูและตั้งป้อมกันไว้

แต่สำหรับพระเยซูผู้ทรงถูกตรึงและเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว ประตูไม่ใช่อุปสรรค ไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตวิญญาณก็ตาม เมื่อสาวกกลุ่มแรกของพระองค์ซ่อนตัวที่หลังประตูด้วยความกลัว พระเยซูทรงผ่านประตูเข้าไปโดยไม่มีปัญหา พระองค์ทรงทำให้คุณไปถึงพระเจ้าพระบิดาของพระองค์โดยทางการยกโทษและสันติสุขที่พระองค์ทรงมอบให้ เพราะพระองค์ทรงเป็นประตู หนทาง ความจริงและชีวิต (ดู ยอห์น 10:7; 14:6) โดยความเชื่อในพระองค์ทำให้สาวกลุ่มแรกของพระองค์ได้รับฤทธิ์อำนาจให้เป็นประตูที่เปิดออกต่อคนนอกที่ไม่เชื่อในท่ามกลางพวกเขา คือโธมัส หรือ “โธมัสผู้สงสัย” (ชื่อที่บางครั้งใช้เรียกเขา) คงไม่ยากที่จะตัดโธมัสออกไป เขากลับยอมรับ “ความสงสัย” และทุกอย่างที่เขาเป็นและทุกอย่างที่เคยเป็น แต่แทนที่จะกีดกันเขาออกไป เหล่าสาวกกลับต้อนรับเขา แม้กระทั่งก่อนที่เขาพร้อมจะเชื่อเสียอีก

เพราะว่าเราอยู่ในเมืองที่ตั้งวิทยาลัยนั้นเพียงแค่สองปี บางบ้านยังคงปิดประตูต่อข้าพเจ้าและครอบครัว ผู้คนรู้ว่าเราไม่ได้มาลงหลักปักฐาน เราแค่เป็น “ผู้เช่า” การลงทุนของเราคงไม่คุ้มทุนเท่าไรนัก นั่นเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่บ็อบเชิญข้าพเจ้าไปที่บ้านของเขาในสุดสัปดาห์นั้น เขาอาศัยอยู่ในเมืองนั้นมาตลอดชีวิตและมีกลุ่มเพื่อนอยู่แล้ว แต่เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรวมข้าพเจ้าเข้าไปด้วย ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ข้าพเจ้าไม่มีต้นทุนทางสังคมที่จะตอบแทนเขาได้ บางทีแม่ของเขาอาจจะยุเขา หรือบางทีเขาอาจสงสารข้าพเจ้า แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ข้าพเจ้าก็รู้สึกขอบคุณที่เขาทำอย่างนั้น เราต่างก็ทำเช่นเดียวกันในฐานะผู้ติดตามพระเยซู ประตูที่เปิดอยู่ซึ่งเราได้รับจากพระเจ้าในพระองค์นั้นไม่รวมถึงการกีดกันผู้อื่น เพราะพระเยซูทรงลงทุนชั่วนิรันดร์ในเราแต่ละคน และพระองค์ทรงนำสันติสุขมาให้

เราอธิษฐาน: พระเยซูที่รัก ขอทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นประตูที่เปิดเพื่อให้คนอื่นๆ ผ่านเข้ามารู้จักกับพระองค์ อาเมน

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:

  1. เมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกถูกโดดเดี่ยว เมื่อไหร่ที่คุณถูกทดลองให้กีดกันคนอื่นๆ ออกไป
  2. คุณคิดว่าเพราะอะไรโธมัสจึงเต็มใจอยู่กับเหล่าสาวก แม้ว่าเขายังไม่เชื่อในพระเยซูผู้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย (ดู ยอห์น 20:26)
  3. กลุ่มคน “ผสม” ที่ประกอบด้วยโธมัสผู้ไม่เชื่อและสาวกผู้เชื่อสามารถเป็นแบบอย่างสำหรับคริสตจักรในปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง

© : Lutheran Hour Ministries

Comments are closed.