ธรรมชีวิตประจำวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2025 “พระผู้เลี้ยงของข้าฯ คือราชาแห่งความรัก”

“พระผู้เลี้ยงของข้าฯ คือราชาแห่งความรัก ซึ่งความดีของพระองค์ไม่เคยล้มเหลว ข้าฯ ไม่ขัดสนสิ่งใดถ้าข้าฯ เป็นของพระองค์และพระองค์ทรงเป็นของข้าฯ ตลอดไป

“คนวิปลาสและคนโง่เขลามักทำให้ข้าฯ หลงทาง แต่กระนั้นในความรักพระองค์ทรงเสาะหาข้าฯ และทรง
วางข้าฯ ไว้บนไหล่อันอ่อนละมุนของพระองค์และทรงนำข้าฯ กลับบ้านด้วยความยินดี”

ถ้าเราจะใช้คำวิเศษณ์เพื่อบรรยายลักษณะของตัวเราเอง ซึ่งเป็นถ้อยคำที่เราอยากให้เป็นที่จดจำ (บางทีอาจเป็นคำจารึกในหนังสือรุ่นของโรงเรียนหรือในคำไว้อาลัยในพิธีศพของเรา) เราอาจเลือกคำต่างๆ เหล่านี้ เช่น คนที่มีเมตตา คนที่ตรงไปตรงมา คนที่ช่วยเหลือเกื้อกูล หรือคนที่เป็นมิตร เป็นต้น คำว่า “คนวิปลาสและคนโง่เขลา” คงไม่อยู่ในรายการถ้อยคำที่เราเลือกอย่างแน่นอน แต่กระนั้นด้วยความซื่อตรงของคนที่กลับใจเราต้องยอมรับว่าบ่อยครั้งเราทำตัวเหมือนคนวิปลาสและคนโง่เขลาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำบัญชาของพระเจ้า พระเยซูพระผู้เลี้ยงของเราทรงนำเรา “ไปในทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์” (สดุดี 23:3ข) ทุกๆ วัน ทางชอบธรรมของพระผู้เลี้ยงอาจเป็นเส้นทางที่ยากต่อการสัญจร การติดตามพระเยซูหมายความว่าเราต้องแบกกางเขนเหมือนที่พระองค์ทรงแบก เราสามารถคาดหวังความทุกข์และการข่มเหง ด้วยพลังแห่งการยกโทษและการเสริมกำลังของพระวิญญาณของพระเจ้า เราจึงปฏิเสธตนเอง นั่นคือ เราตายต่อแนวทางที่เป็นบาปและเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง

ในขณะที่เราติดตาม บางครั้งเราก็ก้าวออกจากเส้นทางที่คับแคบเหล่านั้น เราถูกรายล้อมด้วยเสียงที่เย้ายวนของโลกที่อยู่รอบตัวเราและด้วยเสียงเรียกที่ล่อลวงของมารและของความปรารถนาที่เป็นบาปของเรา ซึ่งล้วนเรียกร้องให้เราเดินออกจากทางเส้นนั้น การก้าวออกจากเส้นทางที่เป็นอันตรายและล่อลวงมากที่สุดก้าวย่างหนึ่งคือการจินตนาการว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้กำลังหลงทาง หรือการคิดว่าอย่างน้อยเราก็ไม่ได้หลงไปไกลเหมือนกับคนอื่น เราเรียกก้าวย่างและความบาปนี้ว่าความหยิ่งผยอง เราหลงทางในความเย่อหยิ่งด้วยการคิดว่าเราจะมีความสุขมากกว่าถ้าเราเดินตามเส้นทางของเราเองแทนที่จะเดินตามก้าวย่างของพระผู้เลี้ยง

เมื่อเราหลงทาง พระผู้เลี้ยงของเราไม่ได้ผลักไสไล่ส่งเราหรือปล่อยให้เราหลงหาย พระองค์ไม่ได้ปล่อยปละละเลยผู้คนที่หลงหายเพื่อจะอยู่กับผู้คนเหล่านั้นที่เราจินตนาการว่าเป็น “แกะที่ดี” ที่เดินอยู่ในลู่ในทาง พระเยซูทรงทราบว่าตอนไหนที่เราหลงทางและพระองค์เสด็จมาเพื่อแสวงหาเรา พระองค์ทรงเสาะหาเราด้วยความรักและพระคุณ ทรงเรียกให้เรากลับใจและยกโทษให้กับการหลงหายที่เป็นบาปของเรา พระองค์ทรงแบกเรากลับไปยังเส้นทางของพระองค์ในขณะที่เราพักสงบอยู่บนบ่าอันแข็งแกร่งที่ครั้งหนึ่งเคยใช้แบกรับน้ำหนักของกางเขน พระเยซูทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดีผู้ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอดและในเช้าแรกของอีสเตอร์พระองค์ทรงรับเอาชีวิตของพระองค์กลับคืนมาอีก พระผู้เลี้ยงที่ถูกตรึงและคืนพระชนม์ของเราทรงยินดีที่ค้นพบแกะหลงหายของพระองค์และทรงนำเรากลับบ้านด้วยพระองค์เองด้วยการยกโทษให้กับเราและทรงวางเท้าของเราลงที่เส้นทางคับแคบและชอบธรรมนั้นอีกครั้งหนึ่ง เราเริ่มต้นติดตามพระผู้เลี้ยงที่เรารักอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความช่วยเหลือของพระวิญญาณบริสุทธิ์เราฟังเสียงที่เป็นพรซึ่งเราจำได้ในพระคำของพระเจ้า นั่นคือพระสุร เสียงของพระผู้เลี้ยงของเรา

เราอธิษฐาน: พระผู้เลี้ยงและพระราชาแห่งความรักของข้าพระองค์ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เดินตามก้าวย่างของพระองค์อย่างใกล้ชิดด้วยเถิด อาเมน

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:

  1. คุณจะบรรยายถึงตัวคุณเองด้วยวิธีใด คุณคิดว่า คนอื่นจะอธิบายถึงตัวคุณแบบไหน
    2 การเดิน “ไปในทางชอบธรรมเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์” เป็นไปได้หรือไม่ในชีวิตประจำวัน เป็นไปได้อย่างไร
  2. เราสามารถทำสิ่งใดได้บ้างเพื่อจะป้องกันตัวเองจากการล่อลวงของโลก

© : Lutheran Hour Ministries

Comments are closed.