“ด้วยความเชื่อถ้อยคำของพระองค์ทำให้เหล่าข้าฯ ใจกล้าที่จะรับเอาของขวัญแห่งความรักที่เล่าย้ำ ทุกสิ่งที่พระองค์เป็นเหล่าข้าฯ น้อมรับที่นี่ และเหล่าข้าฯ ขอถวายคืนแด่พระองค์
“ขนมปังเดียว ถ้วยเดียว กายเดียว เหล่าข้าฯ ประกาศความรักของพระองค์ด้วยความยินดีในเอกภาพของเหล่าข้าฯ จนกว่าพระองค์จะเสด็จมาเพื่อนำผู้เป็นที่รักของพระองค์กลับบ้าน”
ในขณะที่เราเติบโตในความเชื่อเราเรียนรู้ความสำคัญของความอ่อนสุภาพและความถ่อมใจ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราตรัสว่าคนอ่อนสุภาพจะเป็นสุขเพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก เราต้องถ่อมใจของเราลงภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้าผู้จะทรงยกเราขึ้นในเวลาที่เหมาะสมของพระองค์ นี่คือวิธีการที่เราเข้ามาสู่โต๊ะเสวยขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับเอาพระกายและพระโลหิตของพระองค์ เราเข้าในความอ่อนสุภาพและการกลับใจด้วยความถ่อมโดยรู้อย่างเต็มอกว่าเราเป็นคนบาปที่ต้องการการยกโทษ
บทเพลงของเรานำเสนออีกลักษณะหนึ่งที่อธิบายถึงวิธีการของเราในการเข้าสู่พิธีอาหารมื้อค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ด้วยความเชื่อถ้อยคำของพระองค์ทำให้เหล่าข้าฯ ใจกล้าที่จะรับเอาของขวัญแห่งความรักที่เล่าย้ำ” เรารับพิธีมหาสนิทด้วยความเคารพยำเกรงและการกลับใจด้วยความถ่อมและในเวลาเดียวกันเรามาสู่โต๊ะเสวยด้วยความเชื่อที่กล้าหาญ แต่ละครั้งที่เรารับพิธีมหาสนิทเราได้ยินถ้อยคำของพระเยซูและยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ที่ว่า “นี่เป็นกายของเรา… นี่เป็นโลหิตของเรา” (มัทธิว 26:27-28) เราไม่สามารถเข้าใจถึงการสถิตอยู่ด้วยของพระเยซูในพิธีกรรมนี้ แต่เราวางใจในพระคำของพระองค์ มาร์ติน ลูเธอร์กล่าวถึงความเชื่อที่กล้าหาญนี้ใน “คำสอนความเชื่อพร้อมคำอธิบายฉบับย่อ” ของท่าน ในการตอบคำถามเพื่อความคู่ควรในการรับพิธีกรรมแห่งแท่นบูชา ลูเธอร์เขียนไว้ว่า “บุคคลนั้นคู่ควรอย่างแท้จริงและเตรียมพร้อมเต็มที่ซึ่งเขาเป็นคนที่มีความเชื่อในถ้อยคำเหล่านี้ที่ว่า “หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนเป็นอันมาก” (ข้อ 28)
เรารับเอาพระกายและพระโลหิตเมื่อเราเข้าร่วมในพิธีกรรมเหมือนกับที่เพลงของเราประกาศว่า “ทุกสิ่งที่พระองค์เป็นเหล่าข้าฯ น้อมรับที่นี่” ด้วยความเชื่อที่ถ่อมใจและกล้าหาญ เราเชื่อว่าพระเยซูสถิตอยู่ในอาหารมื้อค่ำขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงสละพระองค์เองให้กับเราและเราอุทิศชีวิตของเราใหม่ให้กับพระองค์ ที่โต๊ะเสวยเรามาร่วมกันในฐานะขนมปังเดียว ถ้วยเดียว และกายเดียวด้วยความยินดีในเอกภาพของเรา เราได้ยิน “ของขวัญแห่งความรักที่เล่าย้ำ” ซึ่งเป็นถ้อยคำทรงคุณค่าที่พระเยซูทรงใช้เมื่อพระองค์ประทานของขวัญแห่งพระกายและพระโลหิตของพระองค์ให้กับสาวกของพระองค์และบัดนี้เมื่อพระองค์ทรงมอบของขวัญนั้นให้กับเรา เมื่อเราออกจากโต๊ะขององค์พระผู้เป็นเจ้านี้ไป เราอธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้เราเป็นพยานที่กล้าหาญเมื่อเราแบ่งปันเรื่องราวของพระเยซูกับคนอื่น ด้วยความกล้าหาญเราเข้าสู่พระที่นั่งของพระเจ้าในคำอธิษฐานโดยมั่นใจว่าพระองค์จะทรงฟังและทรงช่วยเรา ด้วยพระคุณของพระเจ้าเรากล้าหาญในความหวังเมื่อเรารับเอาอาหารมื้อค่ำศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์และประกาศถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมาอีก
เราอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด โปรดนำข้าพระองค์ให้เป็นคนกล้าหาญในความเชื่อ ในการอธิษฐาน และในความหวัง อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- คุณรู้จักใครบางคนที่ถ่อมใจในธรรมชาติของเขาแต่ยังคงเข้มแข็งในคุณลักษณะบ้างหรือไม่
- เหตุใดความถ่อมใจที่แท้จริงจึงเป็นลักษณะบุคลิกภาพที่มีได้ยากสำหรับผู้คนส่วนใหญ่
- การรู้ว่าพระเยซูทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อเราเป็นกำลังใจในเรื่องการมีลักษณะของความถ่อมใจและความกล้าหาญที่จะเล่าเรื่องของพระองค์กับคนอื่นอย่างไร
© : Lutheran Hour Ministries