อิสยาห์ 66:10-14 – [พระเจ้าตรัส] “จงเปรมปรีดิ์กับเยรูซาเล็มและยินดีกับเธอ นะบรรดาเจ้าที่รักเธอ จงเปรมปรีดิ์กับเธอด้วยความชื่นบาน นะบรรดาเจ้าที่ไว้ทุกข์เพื่อเธอ เพื่อเจ้าจะได้ดูดและอิ่มใจด้วยอกอันประเล้า ประโลมของเธอ เพื่อเจ้าจะได้ดื่มให้เกลี้ยงด้วยความปีติยินดีจากศักดิ์ศรีอันอุดมของเธอ เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ดูเถิด เราจะนำสวัสดิภาพมาถึงเธออย่างกับแม่น้ำ และทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติ เหมือนลำน้ำที่กำลังล้น และเจ้าทั้งหลายจะได้ดูด เธอจะอุ้มเจ้าไว้ที่บั้นเอวของเธอ และเขย่าขึ้นลงที่เข่าของเธอ ดั่งผู้ที่มารดาของตนเล้าโลมเราจะเล้าโลมเจ้าเช่นนั้น และเจ้าจะรับการเล้าโลมในเยรูซาเล็ม เจ้าจะเห็น และใจของเจ้าจะเปรมปรีดิ์ กระดูกของเจ้าจะกระชุ่มกระชวยอย่างหญ้าอ่อน และเขาจะรู้กันว่าหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์ และความพิโรธต่อสู้ศัตรูของพระองค์”
เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับข้าพเจ้าเมื่ออ่านพระคัมภีร์ตอนนี้แล้วจะไม่คิดถึงปีแรกที่เลี้ยงลูกชายของข้าพเจ้า เมื่อลูกคลอดออกมาใหม่ๆ เขาต้องกินทุก 90 นาที ข้าพเจ้ารู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำคือการเลี้ยงดูลูกเท่านั้น
เนื่องจากเป็นการตั้งครรภ์ที่อันตรายและเป็นปีแรกที่ยากลำบาก ข้าพเจ้าจึงตระหนักได้ว่าแม่และทารกที่กินนมแม่นั้นเปราะบางเพียงใด มีหลายอย่างที่สามารถทำลายความสัมพันธ์นั้นได้ หากแม่กินอาหารที่ไม่ถูกต้อง หากทารกป่วย หากครอบครัวไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย หากมีความเครียดและอันตรายอยู่ตลอดเวลา น้ำนมของแม่ก็อาจหมดลง และทารกจะต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเรื่องนี้
แต่นั่นไม่ใช่ภาพที่พระเจ้าทรงวาดให้เราได้เห็นในข้อนี้ ในข้อนี้ เราเห็นเยรูซาเล็มเป็นแม่ที่มีความสุขของเด็ก ๆ มากมาย ซึ่งทุกคนล้วนเป็นผู้เชื่อในพระเจ้า ไม่มีการขาดแคลนหรือความเครียด ไม่มีความกลัวหรืออันตรายหรือภัยพิบัติ ไม่มีอะไรนอกจากความสงบ ความสบายใจ และความชื่นชมยินดี จะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
เพราะใครก็ตามที่ได้อ่านพระคัมภีร์เดิมจะรู้ว่ากรุงเยรูซาเล็มถูกกล่าวโทษว่าเป็นเหตุแห่งความชั่วร้ายของผู้คนบ่อยครั้งเพียงใด ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การบูชารูปเคารพไปจนถึงการกินเนื้อคนล้วนเกิดขึ้นในกำแพงเมืองเหล่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าในที่สุด มีการปฏิเสธพระเยซูผู้เป็นพระเมสสิยาห์ และการสิ้นพระชนม์ของพระองค์นอกกำแพงเมือง ข้าพเจ้าคาดหวังว่าจะเห็นเมืองนี้ถูกทำลายและถูกทิ้งร้างตลอดไป ไม่ใช่เป็นแม่ที่มีความสุขของเด็กๆ เกิดอะไรขึ้นหรือ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือพระเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าจิตใจของมนุษย์จะไม่เปลี่ยนแปลงไปเอง เรามักจะหลงผิดอยู่เสมอ แต่ด้วยพระกรุณาและความรักของพระองค์เอง พระองค์ทรงเลือกที่จะให้อภัยและช่วยเยรูซาเล็มและมนุษยชาติทั้งหมดด้วย พระองค์ตรัสว่า “ดูเถิด เราจะนำสวัสดิภาพมาถึงเธออย่างกับแม่น้ำ … ดั่งผู้ที่มารดาของตนเล้าโลม เราจะเล้าโลมเจ้า … และเขาจะรู้กันว่าหัตถ์ของพระเจ้าอยู่กับผู้รับใช้ของพระองค์”
พระหัตถ์ของพระเจ้าเป็นที่รู้กันในหมู่ผู้รับใช้ของพระองค์ และเป็นพระหัตถ์ที่มีรอยตะปูของไม้กางเขน เพราะนั่นคือความรักที่กรุณาซึ่งพระเจ้าทรงมีต่อเรา เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่กว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกๆ เป็นความรักที่นำพระเจ้ามาในโลกนี้เพื่อทนทุกข์ ตาย และเป็นขึ้นมาอีกครั้งในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของเรา และพระนามของพระองค์ท่ามกลางเราคือพระเยซู “พระเจ้าทรงเป็นความรอด” เพราะนั่นคือสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นเพื่อเห็นแก่เรา
เราอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้าที่รัก ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรักเราและช่วยเราให้รอด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ชื่นชมยินดีในพระองค์ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
การดูแลของพระเจ้าที่ทรงมีต่อเราเหมือนกับการดูแลของแม่ที่เต็มไปด้วยความรักอย่างไร
เมื่อไหร่ที่คุณได้รับพระเมตตาซึ่งคุณไม่สมควรได้รับ
คุณคิดว่าเพราะเหตุใดพระเยซูจึงทรงเก็บรอยแผลเป็นของพระองค์ไว้
© : Lutheran Hour Ministries