ธรรม​ชีวิต​ประจำวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2025​”การดำเนินชีวิตอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่”

เลวีนิติ 18:1-2, 19:9-10 – พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า … “เมื่อเจ้าทั้งหลายเกี่ยวข้าวในนา อย่าเกี่ยวเก็บข้าวที่ขอบนาให้หมด เมื่อเกี่ยวแล้วก็อย่าเก็บข้าวที่ตก อย่าเก็บผลที่สวนองุ่นให้หมด เจ้าอย่าเก็บองุ่นที่ตกในสวนของเจ้า จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า

ข้าพเจ้าสนใจที่พระเจ้าทรงประทานคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้คนควรเก็บเกี่ยวข้าวสาลีและองุ่น พระองค์ทรงบอกให้เขาทำตรงกันข้ามกับวิธีที่คนส่วนใหญ่คิดในปัจจุบัน นั่นคือ เราควรพยายามเก็บเกี่ยวองุ่นและเมล็ดข้าวสาลีให้หมด

แน่นอนว่า พระเจ้าทรงมีเหตุผลที่ดี การเก็บเกี่ยวพืชผลที่ร่วงหล่นหรือถูกมองข้ามเป็นของใครก็ตามที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ ซึ่งโดยปกติจะหมายถึงคนยากจน คนหิวโหย และคนต่างชาติที่ไม่มีที่ดินหรือผลผลิตเป็นของตนเอง พระเจ้าทรงจัดเตรียมสิ่งจำเป็นแก่คนเหล่านั้น โดยการทรงประทานส่วนแบ่งในการเก็บเกี่ยวของผู้อื่น และยังสอนให้ชาวอิสราเอลที่เหลือใช้ชีวิตอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วย

นี่เป็นหลักการที่ไม่เลวเลยคือ การสร้างสิ่งเล็กน้อยเพิ่มเติมเข้ามาในแผนของเราเพื่อประโยชน์ของผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น ข้าพเจ้าเคยไปร่วมการประชุมของคริสตจักร และเมื่อสิ้นวันมักจะมีดินสอและกระดาษเหลือทิ้งอยู่บนโต๊ะ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คริสตจักรเวียดนามของข้าพเจ้าได้ช่วยเหลือด้านเครื่องเขียนแก่เด็กนักเรียนได้ หรืออาจมีอาหารเหลือหลังจากงานเลี้ยงอาหารหรือมื้อเที่ยงของคริสตจักร เราสามารถนำไปมอบให้กับผู้ที่ต้องการได้ใช่ไหม องค์กร LWML ใช้กล่องใส่เศษเหรียญเพื่อรวบรวมเศษเหรียญในกระเป๋าแล้ว เพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เป็นทุนสำหรับพันธกิจการประกาศทั่วโลก

การใช้ชีวิตอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต้องมีทัศนคติสองประการ ทัศนคติแรกคือ ความห่วงใยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครและมาจากไหนก็ตาม ทัศนคติเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อพระเยซู และพระองค์ทรงเรียกเราให้รักเขาอย่างที่พระองค์ทรงรักเรา (ดู มัทธิว 15:21-40) ในทำนองเดียวกัน เราไม่ควรละเลยใครก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นคนยากจน คนพิการ ผู้อพยพ เด็กๆ หรือคนที่สังคมไม่ต้องการด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม

ทัศนคติที่สองที่เราต้องการคือ ทัศนคติที่ใส่ใจต่อของประทานที่ถูกมองข้ามไป หลังจากที่พระเยซูทรงเลี้ยงอาหารฝูงชนจำนวนมากทั้งสองครั้งแล้ว พระองค์ทรงสั่งให้สาวกเก็บเศษอาหารที่เหลือ พระองค์ทรงสังเกตเห็นแหล่งอาหารที่สามารถนำไปใช้สำหรับคนยากจนได้ และพระองค์ก็ทรงใช้แหล่งอาหารนั้น

ในที่สุด เราใช้ชีวิตอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพราะพระเจ้าเองก็ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเราอย่างเหลือเชื่อ พระองค์ไม่ได้ทรงให้เราใช้ชีวิตด้วยเศษอาหารจากโต๊ะอาหารของพระองค์ พระองค์ทรงมองเห็นความต้องการของเราและทรงส่งสิ่งที่ดีที่สุดที่พระองค์มีมาให้เรา นั่นคือ พระเยซู พระบุตรที่รักของพระองค์เอง เพื่อเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเราและช่วยเราให้พ้นจากอำนาจของความชั่วร้าย โดยการสิ้นพระชนม์และการคืนพระชนม์ของพระองค์ พระเยซูทรงไถ่เราให้กลับมาเป็นลูกของพระเจ้า ได้รับการอภัยโทษและมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ด้วยของประทานเช่นนั้น เราจะไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้คนรอบข้างได้อย่างไร

เราอธิษฐาน: พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระเยซูซึ่งเป็นของประทานอันเหลือเชื่อของพระองค์ ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้ดูแลผู้คนที่เล็กน้อยที่สุดของพระองค์ในโลกนี้อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อาเมน

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
1.ใครที่คุณให้การดูแลโดยเริ่มต้นจากการใช้เงินและทรัพย์สินของคุณ
2.มีใครอีกบ้างที่คุณสามารถให้การดูแลเขาโดยที่คุณไม่ได้พบเขาในเวลานี้
3.มีใครบ้างที่พระเยซูไม่ทรงรวมเขาเข้ามาในความรักของพระองค์หรือของคุณ คุณทราบได้อย่างไร

© : Lutheran Hour Ministries

Comments are closed.