“ความกังวลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อะไรกับท่าน การถอนหายใจและการคร่ำครวญที่ไม่สิ้นสุด สิ่งนี้จะช่วยอะไรท่านถ้าท่านระทมทุกข์กับช่วงเวลาอันมืดมิดที่บินผ่านไป กางเขนและความทุกข์ของเรากดดันให้ความขมขื่นของเราหนักขึ้น
“จงอดทนและรอคอยเวลาของพระองค์ด้วยความหวัง ด้วยความพอใจที่จะรับเอาสิ่งใดก็ตามที่เป็นความพอพระทัยของพระบิดาและความรักอย่างเข้าใจของพระองค์ได้ส่งมา หรืออย่าสงสัยว่าความต้องการภายในของเราเป็นที่รับรู้ต่อพระองค์ผู้ทรงเลือกเราไว้เป็นของพระองค์เองหรือไม่”
บางครั้งผู้คนพูดถึงการมีกางเขนที่ต้องแบก เขาอาจหมายถึงความป่วยไข้หรือการสูญเสีย หมายถึงสถานการณ์ที่ยุ่งยากในชีวิตหรือบางทีอาจหมายถึงช่วงเวลาของการทดสอบและการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ บทเพลงของเรามีคำเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มของเราที่จะเพิ่มสิ่งต่างๆ เข้ากับภาระหนักรูปทรงกางเขนของเราว่า “กางเขนและความทุกข์ของเรากดดันให้ความขมขื่นของเราหนักขึ้น” ความกลัวอย่างวิตกหรือความขมขื่นต่อพระเจ้าเพียงแต่จะเพิ่มน้ำหนักให้กับกางเขน แต่กระนั้น แม้นอกจากความขมขื่นแล้ว เราก็มีโอกาสที่จะมีคำถามและความสงสัยอยู่ เราถวายคำอธิษฐานที่เริ่มต้นด้วยคำถามว่า “ทำไม”
บทเพลงแนะนำให้เราอดทนเมื่อเราแบกกางเขนที่ถูกส่งมาให้เราและให้ “รอคอยเวลาของพระองค์” นั่นคือ ให้รอคอยด้วยความอดทนต่อจังหวะเวลาและการจัดลำดับเหตุการณ์ของพระเจ้าเอง เมื่อเราทนต่อน้ำหนักของกางเขน เรายังคงนำคำร้องทูลของเรามาอยู่ต่อพระบัลลังก์ของพระเจ้า เรานำเอาความทุกข์โศก ความเจ็บปวด และแม้กระทั่งการบ่นของเรามาหาพระองค์ พระองค์ทรงต้องการให้เราร้องทูลต่อพระองค์ในช่วงเวลาของปัญหาและทุกเวลา พระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานของเราตามน้ำพระทัยของพระองค์และตามความรักที่เข้าใจและรอบรู้ของพระองค์
พระเจ้าทรงวางภาระหนักของกางเขนไว้บนพระบุตรของพระองค์ตามความรักที่เข้าใจและรอบรู้เดียวกันนี้ของพระองค์ พระองค์ทรงส่งพระเยซูพระผู้ช่วยให้รอดของเรามาแบกรับน้ำหนักของไม้กางเขนเพราะเห็นแก่ความรอดของเรา พระเยซูผู้ทรงถูกตรึงเพื่อเราทรงแบกน้ำหนักของความบาปของเราที่หนักอึ้งกว่าเมื่อพระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขน โดยการเสียสละและการเป็นขึ้นมาของพระองค์ ภาระหนักของความบาป ถูกยกออกไปจากเรา เราถูกประกาศให้เป็นผู้บริสุทธิ์เพราะพระองค์ทรงตายเพื่อเรา เราสามารถนำเอาความต้องการและความปรารถนาของเรามายังพระบัลลังก์ของพระองค์โดยไม่มีความกลัวหรือการลังเล เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระบิดาที่รักแห่งสวรรค์ผู้ทรงมอบพระบุตรของพระองค์ให้กับเรา ทรงทราบถึง “ความต้องการภายในของเรา” โดยน้ำหนักของกางเขนที่เราต้องแบก พระเจ้าทรงเรียกให้เรากลับใจและเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้น พระองค์ทรงทราบแล้วว่าแต่ละวันจะนำสิ่งใดมาให้เรา (ดู สดุดี 139:16) พระองค์ทรงทราบแล้วว่าการแบกกางเขนของเรานี้จะยาวนานเท่าใด แม้แต่ความขมขื่น ความกลัว หรือความสงสัยของเราก็ไม่สามารถทำให้พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ของเราหันไปจากเราได้เพราะในพระเยซูคริสต์พระเจ้า “ทรงเลือกเราไว้เป็นของพระองค์เอง”
เราอธิษฐาน: พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้แบกกางเขนของข้าพระองค์และติดตามพระองค์ไปอย่างสัตย์ซื่อ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- การมีภาระหนักทำให้เรารู้สึกไวต่อความทุกข์ยากของคนอื่นอย่างไร
- คุณรู้จักใครบางคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรงในชีวิตซึ่งเขาต้องแบกรับและเป็นคนที่แบกรับสถานการณ์นั้นเป็นอย่างดีบ้างหรือไม่
- การรู้ว่าพระเจ้า “ทรงกระทำให้ข้าพระองค์แปลกประหลาดอย่างน่ากลัว” (ดู สดุดี 139) นำการเล้าโลมใจแบบไหนมาให้คุณ
© : Lutheran Hour Ministries