ธรรมชีวิตประจำวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2025 “การสูญเสียทุกสิ่ง”

ลูกา 14:25-28, 31-35 – คนเป็นอันมากได้ไปกับพระองค์ พระองค์จึงทรงเหลียวหลังตรัสกับเขาว่า “ถ้าผู้ใดมาหาเราและไม่ชังบิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้ทั้งชีวิตของตนเองด้วย ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ ผู้ใดมิได้แบกกางเขนของตนตามเรามา ผู้นั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ ด้วยว่าในพวกท่านมีผู้ใดเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่าจะมีพอสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่ … หรือมีกษัตริย์องค์ใดเมื่อจะยกกองทัพไปทำสงครามกับกษัตริย์อื่น จะมิได้นั่งลงคิดดูก่อนหรือว่าที่ตนมีพลทหารหมื่นหนึ่งจะสู้กับกองทัพที่ยกมารบสองหมื่นนั้นได้หรือไม่ ถ้าสู้ไม่ได้ เมื่อยังอยู่ห่างกันก็จะใช้พวกทูตไปขอเป็นไมตรีกัน ก็เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่มิได้สละสิ่งสารพัดที่ตนมีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้ “เกลือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าแม้เกลือนั้นหมดรสเค็มไปแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกอย่างไรได้ จะใช้เป็นปุ๋ยใส่ดินก็ไม่ได้ จะหมักไว้กับกองมูลสัตว์ทำปุ๋ยก็ไม่ได้ แต่เขาก็ทิ้งเสียเท่านั้น ใครมีหู จงฟังเถิด”

นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด จริงหรือพระเจ้า เราต้องเกลียดครอบครัวของเราเองจริงหรือ เราต้องสละทุกสิ่งที่เรามีหรือ

ข้าพเจ้าคิดว่าพระเยซูทรงประสงค์ให้เรารู้สึกอึดอัด ถ้าเราไม่รู้สึกอึดอัด แสดงว่าเรายังไม่จริงจังกับพระองค์มากพอ

เพราะพระองค์ทรงพูดถูกอย่างยิ่งที่บอกว่าการติดตามพระองค์อาจทำให้เราต้องสูญเสียครอบครัว ทรัพย์สิน และแม้แต่ชีวิตของเราเอง คริสเตียนหลายคนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระองค์ไปแล้ว เราอาจมีสิทธิพิเศษมากกว่า แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันอนาคตได้ ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่งที่ครอบครัวกำลังขับไล่เขาออกไปเพราะความเชื่อในพระเยซูของเขา!

แล้วนี่หมายความว่าเราต้องกำจัดทุกสิ่งทิ้งไปเดี๋ยวนี้เลยถ้าเราอยากได้พระเยซูหรือ ไม่ใช่ แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้นี้ สาวกยุคแรกของพระเยซูบางคนยังคงรักษาบ้าน ครอบครัว และธุรกิจของตนไว้ได้ มารีย์ มาร์ธา และลาซารัสเปิดบ้านต้อนรับพระเยซูเมื่อพระองค์เสด็จเยือนกรุงเยรูซาเล็ม มัทธิว ต้อนรับพระองค์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ สาวกอย่างน้อยหนึ่งคนสามารถใช้เรือประมงเพื่อนำพระเยซูไปที่ต่างๆ ได้ สิ่งที่พวกเขายึดถือไว้คือ ความตั้งใจที่จะรับใช้พระเจ้าก่อน และหากเกิดความขัดแย้งขึ้น เขาก็รู้ว่าใครต้องมาก่อน

ทั้งหมดนี้ยากมาก แต่ก็เป็นไปได้เมื่อเราคิดถึงวิธีที่พระเยซูทรงรักเรา เพราะพระองค์ไม่ทรงรอดูว่าพระองค์จะต้องสูญเสียทุกสิ่งเพื่อเราหรือไม่ พระองค์ทรงโยนทิ้งไป พระเยซูคือ ผู้ที่ละทิ้งสวรรค์ไว้เบื้องหลังเพื่อมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงแลกบัลลังก์อันรุ่งโรจน์กับรางหญ้าที่รองด้วยฟางเก่าๆ พระเยซูคือ ผู้ที่ทรงละทิ้งครอบครัวและบ้านแล้วเดินไปตามถนนของปาเลสไตน์เพื่อสั่งสอน รักษา และรับใช้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และพระเยซูคือ ผู้ทรงสละพระชนม์ชีพเพื่อความรักที่ทรงมีต่อเราที่ไม้กางเขน เพราะการทำเช่นนั้น พระองค์จึงทรงสามารถชนะเพื่อให้เราเป็นอิสระจากบาป ความตาย และมารร้ายได้

บัดนี้พระเยซูทรงคืนพระชนม์จากความตายแล้ว พระองค์ทรงประทานทุกสิ่งที่เราต้องการ คือชีวิตมิใช่หรือ ใช่ ชีวิตที่ยั่งยืนชั่วนิรันดร์ และครอบครัว ใช่แล้ว คริสตจักรของพระองค์ในฐานะพี่น้องของเรา และพระเจ้าเองในฐานะพระบิดาของเรา แม้เราจะสูญเสียทุกสิ่งไป เราก็ยังมีพระเยซู พระองค์ผู้ทรงรักเราอย่างหาที่สุดมิได้ และเราจะมีพระองค์ตลอดไป

เราอธิษฐาน: พระเยซูที่รัก ขอทรงให้ตาและใจของข้าพระองค์จดจ่ออยู่ที่พระองค์ อาเมน

คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:

  1. อะไรคือสามสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ
  2. เมื่อไหร่ที่คุณสูญเสียบางอย่างซึ่งเล็กน้อยไปเพื่อเห็นแก่พระเยซู
  3. อะไรคือสิ่งที่ดีเป็นพิเศษที่พระเยซูทรงให้คุณ

© : Lutheran Hour Ministries

Comments are closed.