ยอห์น 12:20-24, 27-33 – ในหมู่คนทั้งหลายที่ขึ้นไปนมัสการในงานเทศกาลนั้นมีพวกกรีกบ้าง พวกกรีกนั้นจึงไปหาฟีลิปซึ่งมาจากหมู่บ้านเบธไซดาในแคว้นกาลิลีแล้วพูดกับเขาว่า “ท่านเจ้าข้า พวกข้าพเจ้าจะใคร่เห็นพระเยซู” ฟีลิปจึงไปบอกอันดรูว์ แล้วอันดรูว์กับฟีลิปจึงไปทูลพระเยซู และพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถึงเวลาแล้วที่บุตรมนุษย์จะประสบเกียรติกิจ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงไปในดินและเปื่อยเน่าไปก็จะคงอยู่เป็นเมล็ดเดียว แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้วก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก … “บัดนี้จิตใจของเราเป็นทุกข์และเราจะพูดอย่างไร จะว่า ‘ข้าแต่พระบิดา ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากการย์แห่งกาลนี้’ อย่างนั้นหรือ หามิได้ เพราะด้วยความประสงค์นี้เองเราจึงมาถึงการย์แห่งกาลนี้ ข้าแต่พระบิดาขอให้พระนามของพระองค์จงได้รับเกียรติ” แล้วก็มีพระสุรเสียงดังมาจากฟ้าว่า “เราได้ให้รับเกียรติแล้ว และเราจะให้รับเกียรติอีก” คนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นได้ยินเสียงนั้นและพูดว่าฟ้าร้อง คนอื่นๆ ก็พูดว่า “ทูตสวรรค์องค์หนึ่งได้กล่าวกับพระองค์” พระเยซูตรัสตอบว่า “เสียงนั้นเกิดขึ้นเพื่อท่านทั้งหลาย ไม่ใช่เพื่อเรา บัดนี้ถึงเวลาที่จะพิพากษาโลกนี้แล้ว เดี๋ยวนี้เจ้าโลกนี้จะถูกกำจัดออกไป เมื่อเราถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว เราก็จะชักนำคนเป็นอันมากให้มาหาเรา” พระองค์ตรัสเช่นนั้น เพื่อสำแดงว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์อย่างไร
ลองคิดดูว่าพระเยซูต้องรู้สึกอย่างไร พระองค์ทรงสั่งสอน รักษาโรค และเทศนาสั่งสอนท่ามกลางชนชาติอิสราเอล ดังเช่นที่พระองค์ทรงทำมาเป็นเวลาสามปีเต็ม ทรงก้าวเดินอย่างมั่นคงสู่กางเขน พระองค์ทรงทราบว่าความตายของพระองค์กำลังจะมาถึง พระองค์ทรงทราบรายละเอียดของความตาย พระองค์จะถูกทรยศโดยเพื่อนของพระองค์เอง พระองค์จะถูกปฏิเสธ ถูกทำร้าย และถูกตรึงกางเขนอย่างน่าอับอายต่อหน้าธารกำนัล พระองค์ทรงทราบว่าพระเจ้าจะทรงใช้ความทุกข์ทรมานของพระองค์เพื่อนำชีวิตใหม่มาสู่ผู้คนนับพันล้านคน ซึ่งทุกคนเป็นบุตรของพระเจ้า เขาได้รับความรอด ได้รับพระพร มีสุขภาพดี และเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดี พระองค์ทรงทราบด้วยว่าพระเจ้าจะทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นจากความตาย และพระเยซูเองจะทรงพระชนม์อยู่เพื่อเห็นการเก็บเกี่ยวที่มาจากความตายของพระองค์
แต่ความเจ็บปวดต้องมาก่อน พระเยซูต้องผ่านความกลัว ความโศกเศร้า และการสูญเสียก่อน และพระเยซูก็ทรงเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าพระองค์ไม่ต้องการตาย!
ข้าพเจ้าคิดว่าผู้มาเยือนชาวกรีกคงรู้สึกงุนงงเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพระองค์ต่อการมาถึงของพวกเขา สิ่งที่เขาต้องการคือ เวลาเพียงเล็กน้อยของพระองค์ เขาไม่รู้ว่าการมาถึงของเขาเป็นสัญญาณบอกถึงการเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานของพระเยซู
แต่ก็เป็นเช่นนั้น เพราะพระเยซูทรงทราบ และทรงทราบมาตลอดว่างานการประกาศข่าวประเสริฐแก่คนต่างชาติเป็นของคริสตจักรของพระองค์ พระเยซูทรงใช้เวลาสั้นๆ ของพระองค์ส่วนใหญ่อยู่กับชาวยิว และสมควรเป็นเช่นนั้น เพราะพระเจ้าทรงประทานสัญญาที่พระเยซูทรงตั้งพระทัยที่จะรักษาไว้ แต่บัดนี้ คลื่นลูกแรกของคนต่างชาติมาถึงแล้ว และถึงเวลาที่คริสตจักรจะต้องเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่าพระเยซูต้องสิ้นพระชนม์ และเรื่องนี้ท่วมท้นพระองค์
ข้าพเจ้าดีใจที่ได้เห็นพระเยซูทรงเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าเสียใจกับความเจ็บปวดของพระองค์ แต่ก็มีความ สุขมากที่เห็นว่าพระองค์ทรงรักเราและพระบิดาของพระองค์มากเพียงใด เพราะพระองค์ไม่เคยทรงพยายามปฏิเสธความทุกข์ทรมานแม้เพียงเสี้ยววินาที นั่นพระองค์ทรงรักเรามากเพียงใด พระองค์ทรงปรารถนาให้เราปลอดภัย ได้รับพร และอยู่กับพระองค์ตลอดไป
เราอธิษฐาน: องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงรักเรามากมาย ข้าพระองค์รักพระองค์ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- คุณคิดว่าพวกกรีกเคยได้รับการสัมภาษณ์หรือไม่
- คุณจะเป็นอย่างไรถ้าได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับความตายของคุณล่วงหน้า
- พระเยซูทรงดึงดูดคุณให้มาหาพระองค์อย่างไร (ดู ยอห์น 12:32)
© : Lutheran Hour Ministries