กิจการ 4:18-20 – เขาจึงเรียกเปโตรและยอห์นมาแล้วห้ามปรามเด็ดขาดไม่ให้พูด หรือสอนออกพระนามของพระเยซูอีกเลย ฝ่ายเปโตรกับยอห์นตอบเขาว่า “จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าข้าพเจ้าควรจะเชื่อฟังท่าน หรือควรจะเชื่อฟังพระเจ้า ขอท่านทั้งหลายพิจารณาดู ซึ่งข้าพเจ้าจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้”
นักแสดงตลกคือ คนที่พยายามทำให้คุณหัวเราะด้วยการพูดเรื่องตลกๆ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเจอคนมากมายที่คิดว่าตัวเองเป็นนักแสดงตลกเมื่อพูดถึงเรื่องความเชื่อของเขา ประโยคหนึ่งที่นักแสดงตลกตามจินตนาการเหล่านี้ชอบมักเป็นไปทำนองนี้ว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องไปคริสตจักรวันอาทิตย์หรอก ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าเชื่ออะไร และแค่นั้นก็พอแล้ว เพราะสุดท้ายแล้วความเชื่อเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างข้าพเจ้ากับพระเจ้า ใช่ไหมล่ะ”
ข้าพเจ้ารู้ว่าพวกเขาคิดว่าพวกเขากำลังตลก เพราะเกือบทุกครั้งที่พูดคำเหล่านั้นเขากระพริบตาและยิ้ม
ตอนแรกเวลามีคนพูดแบบนี้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะตอบกลับไปว่า “คุณเอาความคิดนั้นมาจากไหน มันช่างไร้สาระที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยได้ยินมาเลย” คำตอบของข้าพเจ้าไม่ได้รับการตอบรับหรือชื่นชมเลย บ่อยครั้งที่ทำให้การสนทนาจบลง
ดังนั้น ตอนนี้เมื่อผู้คนพูดว่าความเชื่อของพวกเขาเป็นเรื่องส่วนตัว ข้าพเจ้าก็เห็นด้วยกับพวกเขาและบอกว่า “คุณรู้ไหม ข้าพเจ้าดูพระคัมภีร์แล้ว และพบว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่เห็นด้วยกับคุณ”
เมื่อพวกเขาพูดว่า “จริงเหรอ ใครล่ะ” ข้าพเจ้าก็พร้อมจะแบ่งปันต่อไปว่า
- “ก็มีโมเสสอยู่ด้วย เขาไม่อยากคุยกับฟาโรห์เรื่องการปลดปล่อยประชากรของพระเจ้า”
- “แล้วก็มีโยนาห์ เขาไม่อยากบอกชาวเมืองนีนะเวห์ถึงบาปของคนเหล่านั้น”
- “แล้วก็มีสาวกที่ขังตัวเองไว้หลังจากพระเยซูทรงถูกตรึงที่กางเขน”
- “ยังมีผู้นำชาวยิวที่บอกอัครสาวกให้เก็บความเชื่อไว้กับตัวเอง”
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมักจะเป็นประมาณนี้คือ “ข้าพเจ้าไม่รู้เรื่องนั้นเลย” คนเหล่านั้นคิดว่าความเชื่อของเขาเป็นเรื่องส่วนตัว
ปัญหาเดียวที่พวกเขามีต่อความคิดของพวกเขาคือพระเจ้าไม่เห็นด้วย ตอนนั้นเองที่ข้าพเจ้าพูดกับชายคนหนึ่งที่ต้องการเก็บความเชื่อไว้เป็นส่วนตัวว่า “แน่นอน คุณคงรู้แล้วว่าพระเจ้าทรงลบล้างข้อแก้ตัวทั้งหมดของโมเสสและส่งเขาไปอียิปต์ แล้วพระเจ้าทรงใช้ปาฏิหาริย์เพื่อเปลี่ยนโยนาห์ให้กลับไปเทศนาสั่งสอนเรื่องการกลับใจ และในที่สุดเหล่าสาวกก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วพวกเขาก็หยุดพูดถึงพระเยซูไม่ได้ และเมื่อผู้นำชาวยิวบอกให้พวกเขาเงียบ พวกเขาก็พูดว่า “พวกเราจะไม่พูดตามที่เห็นและได้ยินนั้นก็ไม่ได้”
สิ่งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าอยากจะบอกคือ “เพื่อนเอ๋ย คุณเป็นผู้เชื่อในวันนี้ก็เพราะผู้คนแบ่งปันเรื่องราวของพระเยซูมาเป็นเวลา 2,000 ปีแล้ว ตลอดหลายยุคหลายสมัย ผู้คนทั่วโลกได้ถ่ายทอดความเชื่อของพวกเขาไปยังผู้อื่น ข้าพเจ้าขอจบด้วยคำถามที่ว่า “แต่แน่นอนว่าข้าพเจ้าอาจเข้าใจผิดก็ได้ คุณบอกข้าพเจ้าได้ไหมว่าในพระคัมภีร์ตอนไหนที่คุณได้ยินพระเจ้าตรัสว่า ‘อย่าไปประกาศข่าวประเสริฐ’ ‘อย่าให้พวกเขารับบัพติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์’ และ ‘อย่าสอนผู้อื่นในทุกสิ่งที่เราสั่งไว้’”
แน่นอนว่าคุณจะไม่พบสิ่งนั้น เพราะนั่นคือพันธกิจของเรา
ขอพระเจ้าอวยพรคุณในการแบ่งปันความรักของพระเยซูในวันนี้
เราอธิษฐาน: พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ที่รัก โปรดอวยพรข่าวดีที่ข้าพระองค์แบ่งปันกับผู้อื่นเกี่ยวกับพระบุตรของพระองค์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์อธิษฐานในพระนามพระเยซู อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- อะไรคือเหตุผลที่ตลกที่สุดที่คุณเคยได้ยินว่าเป็นเหตุผลของบางคนที่ไม่แบ่งปันความเชื่อของตัวเอง
- คุณคิดว่าผู้คนในยุคพันธสัญญาใหม่รู้สึกถูกกระตุ้นให้แบ่งปันความเชื่อมากกว่าในปัจจุบันหรือไม่ เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
- คุณทำอย่างไรเพื่อเอาชนะความลังเลใจในการแบ่งปันความเชื่อของคุณ
© : Lutheran Hour Ministries

