“บำเหน็จชีวิต”

หากจะถามว่า “ใครอยากรวยยกมือขึ้น” ผมว่าทุกคนคงจะยกมือพร้อมๆ กันแน่ นี่ก็แสดงว่าทุกคนอยากจะร่ำรวยมั่งคั่งด้วยกันทั้งนั้น เพราะเราคิดว่าถ้ารวยมีเงินทองก็จะสามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ แล้วชีวิตก็จะมีแต่ความสุขความสบาย             ถ้าเราจะมาดูตามทัศนะในพระวจนะธรรมคัมภีร์แล้ว ก็จะมีทัศนะที่แตกต่างไปจากที่เราคิด แต่พระวจนะธรรมก็ไม่ได้ต่อต้านคนที่ร่ำรวย แต่สอนให้เรารู้จักแก่นสารและความสำคัญก่อนหลังในความร่ำรวยมั่งคั่งของเรา กล่าวคือแทนที่จะทุ่มเทชีวิตเพื่อการส่ำสมความร่ำรวยมั่งคั่งนั้น ก็ให้เราหันมาให้ความสำคัญต่อการส่ำสมความน่าเชื่อถือและเกียรติยศชื่อเสียงดีก่อน เพราะชื่อเสียงดีประวัติที่น่าชื่นชมจะดำรงคงอยู่ตลอดไป แต่เงินทองมีวันที่จะเสื่อมสูญไปไม่มีความจีรังยั่งยืน             ตัวอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คนส่วนใหญ่ต่างทุ่มเทกายใจสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยมากกว่าที่จะคิดถึงคำนึงถึงชื่อเสียงและความน่านับถือในชีวิต บางคนถึงกับยอมขายตัวขายชีวิตและเกียรติยศชื่อเสียง และความเป็นคนเพียงเพื่อแลกกับความร่ำรวยที่ไม่จีรังก็มีให้เห็นมากมาย ในพระวจนะธรรมสุภาษิตกล่าวในเรื่องนี้ว่า “ชื่อเสียงดีเป็นสิ่งที่ควรเลือกยิ่งกว่าความมั่งคั่ง” (สุภาษิต 22:1) คำว่า  “ชื่อเสียงดี” จึงหมายถึงการยอมรับต่อคนที่ทำดีมีคุณธรรมจนเป็นที่ประจักษ์และยอมรับจากผู้คนทั่วไป และยังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าอีกด้วย เพราะคนดีมีคุณธรรมนั้นเขาจะมีชีวิตที่เชื่อฟังทำตามพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ…

Continue reading

“มาอธิษฐานทูลขอให้ชีวิตเราเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้ากันเถิด”

พระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า แต่คนชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ และถ้าความเชื่อของเขาเสื่อมถอย เราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย ฮีบรู 10:38 สาธุการแด่พระเจ้าผู้ทรงชอบธรรม ขอบพระคุณความชอบธรรมของพระองค์ที่ทรงค้ำจุนชีวิตของข้าพระองค์ทั้งหลายไว้ในพระองค์ โดยความชอบธรรมของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ได้ ข้าแต่พระเจ้า ในเวลานี้โลกได้ละทิ้งความชอบธรรมของพระองค์หันไปกระทำตามใจปรารถนาของตนเอง เพียงเพราะคิดว่าเป็นทางที่มั่นคงและปลอดภัย ซึ่งแท้จริงแล้วชีวิตที่ขาดพระองค์สุดท้ายก็ไม่เหลือสิ่งใดและไม่มีสิ่งใดช่วยได้เมื่อวันเวลาของพระองค์มาถึง ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์ทั้งหลายด้วยเถิด ขออย่าให้ข้าพระองค์ออกไปจากความเชื่อและความไว้วางใจในพระองค์ ขอพระองค์ทรงผูกพันและประทานความชอบธรรมแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ในความชอบธรรมของพระองค์เสมอไป ทูลขอต่อพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

Continue reading

“มองโลกอย่างงดงาม”

ศาสนาจารย์มาโนช แจ้งมุขเขียนไว้ในหนังสือ “ร้อยแปดพันเก้า” เกี่ยวกับคนที่มองโลกอย่างงดงามไว้ดังนี้ เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อสมชาย เป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีอารมณ์ดีทุกเวลาและมองโลกในแง่ดี ทุกครั้งถ้ามีคนถามว่าชีวิตเป็นอย่างไร เขาจะตอบว่า “ถ้ามีแฝดอีกคนคงจะดีกว่านี้” ลูกน้องทุกคนก็รักในความเป็นผู้นำของเขา ใครมีปัญหาเขาจะอยู่ใกล้ๆ ปลอบใจ และชี้นำให้มองเห็นสิ่งดีจากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น วันหนึ่งผมอดสงสัยเรื่องนี้ไม่ได้จึงถามเขาว่า “มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าถึงได้มีอารมณ์ดีอย่างนี้ตลอดเวลา” เขาตอบว่า “ทุกวันตอนเช้าข้าถามตัวเองว่าวันนี้จะเลือกเป็นคนอารมณ์ดีหรืออารมณ์ร้าย ข้าก็จะเลือกข้อหนึ่งทุกที ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น ข้าก็มีสิทธิ์ว่าจะเลือกว่าตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์หรือจะเลือกที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นๆ ทุกครั้งที่มีใครบ่นให้ฟัง ข้ามีสิทธิ์ที่จะรับฟังคำบ่นหรือชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ดีกว่า ข้าจะเลือกด้านดีของชีวิตเสมอ” ผมแย้งกลับไปว่า “แต่อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะสิ” เขาตอบว่า “ถูกต้องชีวิตคือการเลือก เมื่อเราตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป…

Continue reading

“มาอธิษฐานขอความสุขแท้จากพระเจ้ากันเถิด”

พระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย ยอห์น 14:27 สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ทรงประทานสันติสุขในใจแก่ทุกคนที่วางใจในพระองค์เสมอ พระองค์เจ้าข้า ในเวลานี้ผู้คนมากมายกำลังเผชิญกับความทุกข์ทั้งทางกาย ทางจิตใจ และทางจิตวิญญาณ พวกเขาเหล่านั้นพยายามและดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสุข แต่สิ่งที่ได้รับนั้นเป็นเพียงความสุขชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น ไม่กี่วันก็ต้องเผชิญกับความทุกข์เช่นเดิม ข้าแต่พระเจ้า แต่ในพระองค์มีความสุขแท้และเป็นสันติสุขที่นิรันดร์ที่ไม่มีผู้ใดมาแย่งชิงเอาไปได้ ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดให้ข้าพระองค์อยู่ในความสุขแท้และสุขนิรันดร์ของพระองค์ตลอดไปด้วยเถิด ข้าพระองค์ทูลขอต่อพระองค์ในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

Continue reading

“การให้ ชีวิตที่เลือกได้”

เราคงจะได้ยินอยู่เสมอว่า “ถ้าเราอยากจะได้สิ่งใด จงมอบสิ่งนั้นให้แก่ผู้อื่นก่อน แล้วเราก็จะได้สิ่งที่เราต้องการเพิ่มมากขึ้นด้วย”             นั่นก็หมายความว่า เราให้ไปเพียงแค่หนึ่งแต่สิ่งที่จะได้รับกลับมากกว่าเดิมหลายเท่า ยกตัวอย่างเช่น เมื่อชาวนาปลูกข้าวเขาต้องการผลผลิตมากขึ้น เขาต้องให้ผลผลิตนั้นกลับคืนให้ผืนแผ่นดินมากขึ้น แล้วเขาจะได้รับผลเพิ่มกลับมาอีกหลายเท่าด้วยเช่นกัน หรือเมื่อคุณต้องการรอยยิ้มจากคนอื่น คุณก็ต้องมอบรอยยิ้มให้กับคนอื่นก่อน หรือเมื่อคุณต้องการความรักจากคนอื่น คุณก็ต้องมอบความรักให้คนอื่นก่อนเช่นกัน และเมื่อคุณช่วยเหลือคนอื่น เขาก็จะช่วยเหลือคุณเป็นการตอบแทนเช่นกัน ขณะเดียวกันมีคนพูดว่า “เขาได้ให้มาตลอดชีวิต แต่ไม่เห็นจะได้รับอะไรตอบแทนเลย” คนที่พูดอย่างนี้ส่วนมากมักจะเป็นคนที่ให้เพื่อหวังสิ่งตอบแทน เมื่อการให้ของเขาไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับคืนเขาก็จะไม่ให้อะไรแก่ใคร เขาจะให้ก็ต่อเมื่อเขาจะได้ผลตอบแทนจากการให้ของเขาเท่านั้น             ตามหลักของการให้จากพระวจนะธรรมคัมภีร์ได้บอกไว้อย่างตรงไปตรงมาว่า “จงให้โดยไม่ได้หวังผลตอบแทน” ซึ่งก็หมายความว่าเราต้องให้ด้วยใจรัก รักที่จะให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น และก็เป็นการให้ในสิ่งดีๆ…

Continue reading