“มองโลกอย่างงดงาม”

ศาสนาจารย์มาโนช แจ้งมุขเขียนไว้ในหนังสือ “ร้อยแปดพันเก้า” เกี่ยวกับคนที่มองโลกอย่างงดงามไว้ดังนี้

เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อสมชาย เป็นเจ้าของร้านอาหารที่มีอารมณ์ดีทุกเวลาและมองโลกในแง่ดี ทุกครั้งถ้ามีคนถามว่าชีวิตเป็นอย่างไร เขาจะตอบว่า “ถ้ามีแฝดอีกคนคงจะดีกว่านี้” ลูกน้องทุกคนก็รักในความเป็นผู้นำของเขา ใครมีปัญหาเขาจะอยู่ใกล้ๆ ปลอบใจ และชี้นำให้มองเห็นสิ่งดีจากเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้น

วันหนึ่งผมอดสงสัยเรื่องนี้ไม่ได้จึงถามเขาว่า “มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่าถึงได้มีอารมณ์ดีอย่างนี้ตลอดเวลา” เขาตอบว่า “ทุกวันตอนเช้าข้าถามตัวเองว่าวันนี้จะเลือกเป็นคนอารมณ์ดีหรืออารมณ์ร้าย ข้าก็จะเลือกข้อหนึ่งทุกที ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น ข้าก็มีสิทธิ์ว่าจะเลือกว่าตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์หรือจะเลือกที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์นั้นๆ ทุกครั้งที่มีใครบ่นให้ฟัง ข้ามีสิทธิ์ที่จะรับฟังคำบ่นหรือชี้ให้เห็นอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ดีกว่า ข้าจะเลือกด้านดีของชีวิตเสมอ” ผมแย้งกลับไปว่า “แต่อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะสิ” เขาตอบว่า “ถูกต้องชีวิตคือการเลือก เมื่อเราตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป สุดท้ายก็จะเหลือแค่การเลือกที่จะสบายใจหรือสิ่งที่ทำให้หัวเสียตลอดเวลาได้ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตอย่างไร?”

หลังจากวันนั้นผมได้รับข่าวร้ายว่าเพื่อนผมคนนี้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส โจรเข้ามาปล้นร้านอาหารของเขา ดีที่มีคนช่วยนำส่งโรงพยาบาล สมชายอยู่ในห้องผ่าตัดนานกว่า 18 ชั่วโมง จากนั้นก็ต้องนอนรักษาตัวอยู่กว่าสัปดาห์ จึงได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน

ในระหว่างที่ไปเยี่ยมผมถามเขาว่าเขาเป็นอย่างไร เขาตอบเช่นเคยว่า “ถ้ามีแฝดอีกคนคงดีกว่านี้” ผมถามเขาว่าผ่านเรื่องร้ายๆ อย่างนี้มาได้อย่างไร? เขาตอบว่า หลังจากถูกยิงเขาบอกตัวเองว่า เขาเหลือทางเลือกเพียงทางเดียวคือมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ก็ตาย แน่นอนเขาได้เลือกที่จะอยู่ต่อ พวกพี่มาช่วยคอยพูดให้กำลังใจตลอดเวลา แต่ระหว่างถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัด เขาเห็นสีหน้าของหมอและพยาบาล ก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังจะตาย เลยบอกตัวเองว่า ต้องทำอะไรสักอย่าง ผมถามต่อว่า “แล้วนายทำอะไร?”

พอดีพยาบาลคนหนึ่งตะโกนถามว่า แพ้อะไรหรือเปล่า เราก็ร้องออกมาทันทีว่า “ผมแพ้อยู่อย่างหนึ่งครับ” ทั้งหมอและพยาบาลหยุดชะงักชั่วขณะ ทั้งห้องเงียบกริบเพราะรอฟังคำตอบ ข้าหายใจลึกๆ และตอบไปว่า “ผมแพ้ลูกปืนครับ” ทันใดนั้นทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ต่อจากนั้นข้าก็บอกหมอว่า “ผมอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ช่วยกรุณาผ่าตัดอย่างคนมีชีวิต ไม่ใช่ผ่าตัดคนที่ตายแล้ว”

ทุกคนมีสิทธิ์เหมือนกับสมชาย คือมีสิทธิ์ที่จะชื่นชมกับชีวิตหรือขื่นขมกับชีวิต แต่สำหรับผู้ที่มีพระเยซูคริสต์อยู่ในชีวิตนั้น เขาจะมีชีวิตที่มีสิทธิ์ครอบครองความชื่นชมยินดีในทุกสถานการณ์ไปตลอดกาล

“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 4:4-7)

โดย: อาจารย์อำนวย  เรืองชาญ

นักจัดรายการวิทยุ “เพื่อคุณกำลังใจ”

องค์การก้าวไปสู่ความสว่าง

Comments are closed.