“โลกต่อสู้ข้าฯ อย่างโหมกระหน่ำ ความโกรธแค้นของโลกข้าฯ ดูหมิ่น แม้โลกจะทำสงครามอย่างรุนแรง แต่การงานของโลกก็ไร้ประโยชน์ จิตใจของข้าฯ เป็นไทจากความกังวล ไม่มีปัญหาใดรบกวนข้าฯ แม้บัดนี้ความยากเข็ญปรากฏขึ้น แต่ค่ำคืนก็สดใสเหมือนกลางวัน
“บัดนี้ข้าฯ จะยึดพระคริสต์ไว้ให้ตลอด พระผู้ช่วยให้รอดที่แท้จริงของข้าฯ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าฯ จะไม่มีวันทิ้งข้าฯ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พระองค์เสด็จผ่าน พระองค์ทรงทำให้โซ่ตรวนเหล็กของความตายฉีกขาด พระองค์ทรงตีฝ่าความบาปและความทุกข์ พระองค์ทรงทำให้อำนาจโหดเหี้ยมของการทำให้เป็นทาสของนรกแตกป่นปี้ ข้าฯ ติดตามพระองค์ผ่านทุกอย่างไป”
ในเพลงบทนี้มีถ้อยคำและวลีที่ไม่น่าฟัง (แม้กระทั่งน่ากลัว) อยู่หลายคำ ซึ่งเป็นคำบรรยายจากรายงานข่าวที่เราคุ้นเคยหรือจากประสบการณ์ของเราเอง เราร้องเพลงเกี่ยวกับความโกรธแค้นที่โหมกระหน่ำของโลก สงครามที่รุนแรง ความยากเข็ญ ปัญหา ความบาป ความทุกข์ และ “อำนาจโหดเหี้ยมของการทำให้เป็นทาสของนรก” ข้อความเหล่านี้ปรากฏอยู่ในบทเพลงสรรเสริญได้อย่างไร ถ้อยคำเหล่านี้ไม่มีความยินดีของอีสเตอร์อยู่มากนัก แต่ตามเนื้อเพลงนี้มีบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนที่วางใจในพระเยซูตอบสนองด้วยวิธีการใหม่อันน่าประหลาดต่อถ้อยคำและสถานการณ์ที่น่ากลัวเหล่านี้
เกิดอะไรขึ้น พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นจากความตาย เหตุการณ์ที่เปลี่ยนโลกเหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างแบบกลับตาลปัตร สถานการณ์น่าสยดสยองที่บรรยายไว้ในบทเพลงนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเรา เรายังรู้จักและมีประสบการณ์กับความยากเข็ญ ปัญหา และความโกรธแค้นของโลกในขณะที่โลกต่อสู้กับผู้คนที่ติดตามพระเยซู แต่บัดนี้เราเห็นและมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านั้นผ่านความหวังที่เป็นของเราเพราะการเป็นขึ้นมาของพระเยซู เรามองดูความโกรธแค้นของโลกอย่างดูหมิ่นเพราะความโกรธเคืองของโลกจะไม่มีวันแยกเราจากความรักของพระเยซูได้ ในท่ามกลางปัญหาและความยากเข็ญ จิตใจและความคิดของเราเต็มล้นด้วยสันติสุขที่โลกไม่สามารถให้ได้ เป็นสันติสุขที่ขึ้นอยู่กับพระเยซูคริสต์เท่านั้นเสมอ อำนาจที่ทำให้ตกเป็นทาสของความบาป ความตาย และนรกถูกทำลายจนป่นปี้โดยพระผู้ช่วยให้รอดที่เป็นขึ้นมา พระองค์ทรงตีฝ่าความทุกข์และความตายและภาระอันหนักหน่วงของความบาปที่พระองค์ทรงแบกไว้ในพระกายของพระองค์บนกางเขน เหมือนที่พระเยซูตรัสว่า “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33ข) แล้วเราจะทำอะไรในตอนนี้ “ข้าฯ ติดตามพระองค์ผ่านทุกอย่างไป”
เมื่อพบกับการข่มเหงและการถูกจองจำเพราะท่านติดตามพระเยซู อัครทูตเปาโลเขียนไว้ว่า “เหตุฉะนั้นเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงชื่นใจในบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้า ในการประทุษร้ายต่างๆ ในความยากลำบาก ในการถูกข่มเหง ในความอับจน เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะแข็งแรงมากเมื่อนั้น” (2 โครินธ์ 12:10) คำว่า “ข้าพเจ้าจึงชื่นใจ” สามารถแปลได้อีกว่า “ข้าพเจ้าดีใจ” หรือ “ข้าพเจ้าพอใจ” เปาโลคงเข้าใจความเชื่อที่กล่าวไว้ในถ้อยคำของบทเพลงนี้ที่ว่า “จิตใจของข้าฯ เป็นไทจากความกังวล ไม่มีปัญหาใดรบกวนข้าฯ” พระเยซูทรงสัญญาว่าพระองค์จะไม่มีวันละทิ้งเรา ในความทุกข์ระทมและปัญหาที่เราต้องสู้ทน (แม้กระทั่งความตาย) เราจะยึดมั่นอยู่กับความเชื่อในพระเยซู เราดีใจ เราพอใจ เราชื่นใจที่จะติดตามพระองค์ผ่านทุกอย่างไป
เราอธิษฐาน: พระเยซู ในวันแห่งปัญหาและในทุกๆ วัน ข้าพระองค์จะยึดมั่นอยู่กับพระองค์ด้วยความเชื่อ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
1.ปกติคุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อคุณกลัว
2.เปาโลชื่นใจได้อย่างไรในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
3.เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพระเยซูอยู่กับเราเมื่อเรากลัว
© : Lutheran Hour Ministries