“อาณาจักรเป็นของพระองค์ รางวัลเป็นของพระองค์ การอัศจรรย์เป็นของพระองค์ งานเลี้ยงของพระองค์เต็มไปด้วยความน่าทึ่ง จากนั้นคือคำสรรเสริญ จากนั้นคือความยุติธรรมแห่งพระมรรคาของพระองค์ สง่าราศีเป็นของพระองค์ เรื่องราวเป็นของพระองค์ จากนั้นเป็นการต้อนรับผู้เล็กน้อย จากนั้นเป็นความมหัศจรรย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดที่งานเลี้ยงของพระองค์ ที่งานเลี้ยงของพระองค์
“พระสิริเป็นของพระองค์ ในยามค่ำคืน ไม่มีความตายอีกต่อไป มีแต่ความสว่าง แม่น้ำเป็นของพระองค์ ต้นไม้เป็นของพระองค์ จากนั้นคือพระเมษโปดกนิรันดร์ จากนั้นคือความปีติยินดีของการเฉลิมฉลอง ความงดงามเป็นของพระองค์ ความสุกใสเป็นของพระองค์ เป็นของพระองค์ผู้เดียว เป็นของพระองค์ผู้เดียว”
ธรรมชาติของเราทำให้เรากลายเป็นคนที่ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอย่างมาก เมื่อเรามองไปที่ความต้องการและผลประโยชน์ของเราก่อนเป็นอันดับแรก เราฝึกฝนเรื่องนี้มามากและเราเก่งในเรื่องนี้อย่างมาก ชีวิตของเราแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่าเรา “ได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง” (โรม 1:25ข) เรานมัสการและปรนนิบัติตัวเราเองอย่างเปิดเผยหรืออย่างลับๆ เราถูกเรียกให้กลับใจจากการจดจ่ออยู่กับความต้องการของตนเองนี้และในพระคริสต์เราได้รับการยกโทษ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเราให้หันไปดูความต้องการของคนอื่นด้วยความรักเมื่อเราติดตามพระเยซูผู้ทรงคิดถึงความต้องการ และผลประโยชน์ของเรามาก่อนของพระองค์เองบนไม้กางเขน
แม้กระทั่งเมื่อเราหันไปให้ความสนใจกับความต้องการของคนอื่นด้วยการรับใช้คนอื่น เราก็ยังคงถูกทดลองให้จินตนาการว่า ทุกสิ่งซึ่งรวมถึงเรื่องราวแห่งความรอดของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับความคู่ควรและการเลือกของเรา แต่กระนั้น เรื่องราวแห่งความรอดและสง่าราศีของเรื่องราวนั้นเป็นของพระเจ้าพระผู้สร้างและพระผู้ไถ่ของเรา ข้อพระธรรมจากพระคัมภีร์ที่คุ้นเคยเตือนเราให้ระลึกว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์” (ยอห์น 3:16ก) พระเจ้าคือ ผู้ที่ทรงรักโลก พระเจ้าคือ ผู้ที่ประทานพระบุตรของพระองค์ ด้วยความเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นในจิตใจของเราโดยพระวิญญาณของพระเจ้า เราเพียงแต่ได้รับของขวัญแห่งความรักและพระคุณของพระองค์
เราจะเข้าใจสง่าราศีของความจริงนี้อย่างครบถ้วนเมื่อเรายืนอยู่ต่อหน้าพระที่นั่งของพระเจ้าและเปล่งคำสรรเสริญพร้อมกับเหล่าธรรมิกชนว่า “ความรอดขึ้นอยู่กับพระเจ้าของเราผู้ประทับบนพระที่นั่ง และขึ้นอยู่กับพระเมษโปดก” (วิวรณ์ 7:10ข) พระเจ้าทรงสร้างเรา โดยของขวัญแห่งพระบุตรของพระองค์ พระเจ้าทรงไถ่เราและโดยพระวิญญาณของพระองค์ พระเจ้าทรงสร้างความเชื่อไว้ในจิตใจของเรา บทเพลงของเราเฉลิมฉลองความจริงที่ว่าพระสิริทั้งสิ้นเป็นของพระเจ้าเพียงผู้เดียว “อาณาจักรเป็นของพระองค์… รางวัล… งานเลี้ยง… คำสรรเสริญ… สง่าราศี… เรื่องราวเป็นของพระองค์… การต้อนรับผู้เล็กน้อย” เมื่อเราอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าชั่วนิรันดร์เราจะรู้ว่าพระองค์ “ทรงเป็นเอกเป็นใหญ่ในสิ่งสารพัดทั้งปวง” (1 โครินธ์ 15:28ข) สำหรับเรา “จะไม่มีความตายอีกต่อไป มีแต่ความสว่าง” เราจะมีประสบการณ์กับ “ความมหัศจรรย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งหมด” ในงานเลี้ยงของพระองค์ซึ่งเป็นงานเลี้ยงสมรสของพระเมษโปดก เมื่อธรรมชาติที่ยึดเอาตนเองเป็นศูนย์กลางถูกหันไปเป็นความสนใจกับคนภายนอกในที่สุดและอย่างสมบูรณ์ด้วยคำสรรเสริญ เราก็จะรู้และเข้าใจในแนวทางที่เราไม่เคยเข้าใจมาก่อนว่า พระสิริทั้งสิ้นเป็นของพระเจ้าแต่ผู้เดียว “เป็นของพระองค์ผู้เดียว เป็นของพระองค์ผู้เดียว”
เราอธิษฐาน: พระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้า ด้วยพระคุณของพระองค์เพียงอย่างเดียว วันหนึ่ง ข้าพระองค์จะรู้จักความมหัศจรรย์ของชีวิตที่เพิ่มขึ้นต่อหน้าพักตร์ของพระองค์ อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- อะไรคือสิ่งที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการอุทิศตนของคุณให้กับพระเจ้า
- พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงช่วยคุณยึดเอาพระเยซูเป็นที่หนึ่งในชีวิตของคุณด้วยวิธีใด
- การรับใช้คนอื่นจะเป็นเกราะป้องกันเราจากการยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางได้ด้วยวิธีใด
© : Lutheran Hour Ministries

