โรม 13:11-14 – นอกจากนี้ท่านควรจะรู้กาลสมัยว่า บัดนี้เป็นเวลาที่เราควรจะตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าเวลาที่เราจะรอดนั้นใกล้กว่าเวลาที่เราได้เริ่มเชื่อนั้น กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา เราจงเลิกการกระทำของความมืด และจงสวมเครื่องอาวุธของความสว่าง เราจงประพฤติตัวให้เหมาะสมกับเวลากลางวัน มิใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย มิใช่หยาบโลนลามก มิใช่วิวาทริษยากัน แต่ท่านจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสตเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้บำรุงบำเรอตัณหาของเนื้อหนัง
น่าสนใจที่เห็นเปาโลพูดถึงวันสุดท้าย ท่านใช้ภาพค่ายทหารที่ตื่นขึ้น เหล่าทหารตื่นขึ้น สวมชุดเกราะ และเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจ เขาเตรียมเสบียงสำหรับวันนี้ รวบรวมอาวุธ เครื่องมือ และสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับภารกิจ ไม่ว่าคืนก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวเดินอย่างถูกต้อง
แต่คุณจะคิดอย่างไรกับทหารที่เตรียมเสบียงสำหรับวันของพวกเขาด้วยการเก็บสิ่งบันเทิงผิดกฎหมายของคืนก่อนหน้านั้นไว้ ผู้บังคับบัญชาของพวกเขาคงไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะเสบียงของคุณทำให้เห็นชัดว่าคุณวางแผนจะทำอะไร หากคุณมุ่งแต่เรื่องเพศ การดื่มเหล้า และการสู้รบ คุณก็จะไร้ความสามารถในฐานะทหาร และหากใจของคุณกำลังเตรียมการสำหรับบาปในอนาคต คุณจะมีประโยชน์อะไรในฐานะคริสเตียน
ไม่มีทางเลยที่เราจะสงวนพื้นที่ในใจของเราแม้เพียง “พื้นที่เล็กๆ” เมื่อเราอาจกำลังบอกตัวเองว่าเก็บไว้สำหรับความปรารถนาอันบาปของเราเอง ในขณะที่เรารับใช้พระคริสต์ด้วยส่วนอื่นๆ ของตัวเราเอง พระองค์ทรงมีเราในทุกส่วน หรือพระองค์จะไม่ทรงรับเราเลย ดังนั้นเปาโลจึงกระตุ้นเราว่า “จงสวมยุทธภัณฑ์แห่งความสว่าง … จงสวมพระเยซูคริสต์เจ้า” พระองค์เอง! เพราะพระองค์ทรงจัดเตรียมพระองค์เองให้เป็นยุทธภัณฑ์ของเรา เป็นความคุ้มครองของเรา เป็นชีวิตของเรา ความช่วยเหลือของเรา และความชื่นชมยินดีของเรา
“เอาล่ะ ก็ได้” คุณอาจกำลังคิด “แต่ข้าพเจ้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าเป็นคนบาป และหัวใจของข้าพเจ้ามักจะโกหกตัวเองตลอดเวลา ข้าพเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ข้าพเจ้าทำถูกต้อง” นี่เป็นคำถามที่ดี เพราะแน่นอนว่า เป็นความจริงที่เราไม่สามารถและจะไม่มีวันดำเนินชีวิตอย่างที่พระคริสต์ทรงเรียกให้เราดำเนินชีวิตได้ ไม่ว่าเราจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม
แล้วยังไงต่อ ยอมแพ้หรือ
ไม่เลย จงมอบตัวเราไว้ในพระหัตถ์ของพระเยซูเอง ทูลขอให้พระองค์ทรงจัดการกับเราและจิตใจที่เต็มไปด้วยบาปของเรา ขอให้พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ชำระเรา จัดเตรียมเรา และสวมเราไว้ในพระองค์เอง คือในสิ่งดี ๆ ทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเราผ่านการทนทุกข์ การสิ้นพระชนม์ และการคืนพระชนม์ของพระองค์เอง
นั่นคือความหมายของการวางใจในพระเยซู ไม่ใช่การพยายามหนักขึ้น แต่หมายถึงการขอความช่วยเหลือจากพระองค์ในฐานะที่เราเป็นคนบาป และการวางใจในพระองค์ต่อไป และพึ่งพาความช่วยเหลือของพระองค์ตลอดชีวิต ไม่ใช่จากตัวเราเอง หากปราศจากพระเยซู เราก็จมดิ่งลง แต่โดยมีพระองค์ เราจะปลอดภัยตลอดไป พระองค์จะทรงดูแลเรา
เราอธิษฐาน: ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่อาจทำให้ตนเองเป็นอย่างที่ควรจะเป็นได้ ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์เป็นของพระองค์ และทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ให้เป็นเถิด อาเมน
คำถามเพื่อการใคร่ครวญ:
- คุณเคยพยายามใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบด้วยพลังใจของตัวเองบ้างไหม
- ผลเป็นอย่างไรบ้าง
- การวางใจให้พระเยซูทรงดูแลคุณและปัญหาของคุณนั้นสร้างความแตกต่างอย่างไร
© : Lutheran Hour Ministries

