“ใช้เวลาให้คุ้มค่า”

ทุกคนต่างก็มีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน ซึ่งเราก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดทำภารกิจสารพัดทั้งส่วนตัวและส่วนรวม             แต่เคยคิดบ้างไหมว่าตลอด 24 ชั่วโมงที่มีอยู่นั้น เราได้ใช้ให้คุ้มค่ากับเวลาที่เราได้รับหรือไม่? ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่นๆ มากน้อยแค่ไหนอย่างไร? ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและต่อคนอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน อย่างไร? ถ้ายังมองข้ามเรื่องนี้อยู่ อยากให้หันมาลองหาวิธีจัดการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าดูบ้าง เพื่อเราจะได้เห็นคุณค่าและความสำคัญของเวลาที่เราได้รับ แล้วจะช่วยประเมินผลการงานของเราว่า ในแต่ละวันนั้นเราได้ทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง วิธีใช้เวลา 24 ชั่วโมงของแต่ละวันให้เกิดผลคุ้มค่า ดังนี้             สิ่งแรกใช้เวลาทุกวินาทีให้มีประสิทธิภาพอย่างมีคุณค่า แม้จะเป็นเพียงเศษของเวลาก็ตาม ฝึกฝนทำภารกิจที่หลากหลายพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความช่ำชองและคล่องตัว ทั้งยังช่วยในการฝึกความสามารถของเราต่อการทำหลายๆ อย่างพร้อมกันได้อีกด้วย…

Continue reading

“บำเหน็จรางวัลคนเที่ยงธรรม”

“เพราะพระเจ้าทรงเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่  พระองค์ทรงปูนความชอบและเกียรติ พระเจ้ามิได้ทรงหวงของดีอันใดไว้เลย จากบุคคลผู้เดินอย่างเที่ยงธรรม” (สดุดี 84:11)             ได้ยินคนดีๆ มีความเที่ยงธรรมบ่นอย่างน้อยใจว่า “ทำไมสิ่งดีๆ ที่เราได้ทำอยู่ในวันนี้ มนุษย์ไม่มีใครเห็น แต่พระเจ้ามองเห็นบ้างก็ยังดี”             ข้อพระธรรมที่ได้นำมาอ้างอิงในตอนนี้นั้นเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด สำหรับคนดีมีความเที่ยงธรรมทั้งหลาย เพราะโดยความเป็นจริงแล้วหน้าที่ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงดูแลรักษาเราอยู่ในวันนี้และตลอดไปจนกระทั่งวันสุดท้ายของโลกนั้นคือ ทรงเป็นดวงอาทิตย์และเป็นโล่ นั้นก็หมายถึงว่า พระเจ้าทรงเป็นดวงสว่างให้กับคนทั้งโลกเหมือนที่พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นความสว่างของโลก ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต” (ยอห์น 8:12) และอีกหน้าที่หนึ่งที่พระเจ้าทรงช่วยดูแลเราอยู่นั้นก็คือ ทรงเป็นโล่ที่ป้องกันคุ้มครองป้องกันโพยภัยทั้งหลายไม่ให้เข้ามาทำลายเราได้ นี่คือ สิ่งที่พระเจ้าได้ทรงทำเพื่อเราทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และก็เพราะทรงเป็นความสว่างส่องทางเดินของเราในทุกวิถีชีวิต…

Continue reading

“คุณค่าที่คุณมีอยู่”

ถ้าใครที่เคยคิดว่าตัวเองมีปมด้อยไม่เก่งเท่ากับคนอื่น ทั้งยังต่ำต้อยด้วยความสามารถแล้วต้องหยุดคิดดังกล่าวนี้เสีย อย่าเอาตัวเราไปเปรียบกับคนอื่นแล้วคิดว่าสู้เขาไม่ได้ ความจริงแล้วเราทุกคนต่างก็มีคุณค่าของแต่ละคนอยู่เหมือนกัน เพียงแต่บางคนอาจจะยังค้นไม่เจอก็เลยไม่ได้นำออกมาใช้เหมือนคนอื่นเขา             สิ่งแรกเราต้องเข้าใจชีวิตของเราว่าอะไรคือจุดอ่อน และอะไรคือจุดแข็งของเรา ถ้ามีจุดอ่อนก็อย่าเพิ่งไปลงความเห็นว่าจุดอ่อนนั้นเป็นเหมือนเศษขยะที่ใช้ไม่ได้แล้ว ถ้าเรามีศิลปะในการดำเนินชีวิตเราจะเข้าใจและพอมีวิธีปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อนที่มีอยู่ให้ดีขึ้น และจุดอ่อนที่มีอยู่ก็อาจจะกลายเป็นจุดแข็งที่จะนำมาใช้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตเราได้             ต้องเข้าใจว่า “ชีวิต” หมายถึงสิ่งที่ยังไม่ตายยังสามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นจนกลายเป็นคุณค่าต่อชีวิตได้อีก แต่ถ้าตายแล้วนั่นแหละถึงจะนำมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ต้องทิ้งอย่างเดียว ฉะนั้นอะไรๆ ที่มีอยู่ในตัวเรานั้นล้วนแต่นำมาใช้ให้เป็นคุณค่าต่อชีวิตได้ทั้งนั้น ให้ดูเศษเหล็กเศษโลหะที่ถูกทิ้งแล้ว เมื่อนำมาหลอมเข้าด้วยกันจะกลายเป็นแผ่นเหล็กแผ่นใหญ่ที่ใช้ประโยชน์ได้มากมาย จุดอ่อนต่างๆ ของเราก็เช่นกันเอามาหลอมเข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นจุดแข็งที่มีคุณค่าได้เช่นกัน ดูอย่างไม้ปาเก้ที่เขาเอาเศษไม้มาแก้ไขดัดแปลงเป็นไม้ปูพื้นที่สวยและมีความแข็งแรงทนทานราคาแพงอีกต่างหาก แล้วเราผู้เป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีจะมายอมแพ้ให้กับเศษเหล็กเศษไม้ได้หรือ             ดังนั้น อย่าไปคิดหรือเข้าใจผิดว่าเรามีปมด้อยมีจุดอ่อนและสู้คนอื่นไม่ได้ คิดว่าเราเป็นสิ่งเนรมิตของพระเจ้าที่มีคุณค่ามากมาย เพียงแต่เราไม่ค้นหาและนำสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเราออกมาใช้ให้เต็มที่เท่านั้น…

Continue reading

“ใจของคน”

การที่เราจะอยู่ร่วมกันกับ “คน” นั้นไม่ง่าย เพราะคนแต่ละคนต่างก็มีใจที่ไม่เหมือนกัน แม้แต่พระวจนะธรรมคัมภีร์ก็ได้ให้คำนิยาม “ใจ” ของคนไว้สั้นๆ ว่า “ใจมนุษย์โกงเกินบรรดาทุกสิ่ง…ชั่วร้ายกาจนัก!” ฟังดูแล้วก็น่ากลัวใจมนุษย์โกงเกินทุกสิ่ง…” เราจะดูมนุษย์หรือจะรู้จักมนุษย์ก็ต้องดูกันที่ใจ ถ้าเอาตามที่พระธรรมข้อนี้ก็แสดงว่ามนุษย์จะดีหรือชั่วก็อยู่ที่ “ใจ” นี่เอง แล้วใจมนุษย์นี้เท่าที่ได้เห็นก็น่ากลัวไม่น้อย เพราะใจมนุษย์ที่เราประสบพบเห็นกันเป็นประจำก็มีใจดี ใจร้าย ใจจืด ใจดำ ใจอิจฉา ใจริษยา ใจโกรธ ใจอาฆาต ใจโหดเหี้ยม ใจร้อน ใจง่าย ใจอ่อน ใจบาป ใจสกปรก ใจกว้าง…

Continue reading

“ปลายทางที่ต่างกัน”

“ความสุขเป็นของบุคคล ผู้ไม่ดำเนินตามคำแนะนำของคนอธรรม หรือยืนอยู่ในทางของคนบาป หรือนั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า  เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง การทุกอย่างซึ่งเขากระทำก็จำเริญขึ้น คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป เหตุฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ยั่งยืนอยู่ได้ เมื่อถึงคราวพระเจ้าทรงพิพากษา หรือคนบาปไม่ยืนยงในที่ชุมนุมของคนชอบธรรม เพราะพระเจ้าทรงทราบทางของคนชอบธรรม แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป” (สดุดี 1:1-6)             คิดๆ ดูก็แปลก คนเหมือนกันแต่ชีวิตไม่เหมือนกัน คนหนึ่งเป็นคนดีที่เรียกว่า “คนชอบธรรม” แต่อีกคนหนึ่งไม่ดีเรียกกันว่า “คนอธรรม” ตลอดชีวิตของคนสองจำพวกนี้ต่างกันราวฟ้ากับดิน เดินคนละทางเป็นเส้นขนานสวนทางกัน สุดท้ายก็จบลงตรงปลายทางที่ต่างกัน…

Continue reading