“ชีวิตกับการก้าวกระโดด”

ในการดำเนินชีวิตของเราทุกคน จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งการก้าวกระโดด จากสิ่งที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่เราต้องการตามเป้าหมายที่ได้ตั้งใจเอาไว้ แต่การก้าวกระโดดดังกล่าวนี้ไม่ได้ทำง่ายๆ เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติที่เป็นตัวตนจริงๆ ของเรา ซึ่งจำเป็นต้องเอาชนะธรรมชาติให้ได้เสียก่อน นอกจากนั้นก็ยังมีตัวตนที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องเอาชนะให้ได้อีกด้วย เพราะว่าแม้ใจเราพร้อมที่จะก้าวกระโดดจากจุดที่เราเป็นอยู่เพื่อมุ่งสู้เป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม แต่อุปสรรคจากความเคยชินและความไม่มั่นใจเป็นปัญหาที่ทำให้เราติดในความคิดเก่าๆ แบบเดิมๆ ซึ่งจะเป็นตัวถ่วงทำให้เกิดความลังเลใจและไม่มั่นใจ จนกลายเป็นความกังวลและพะวงสารพัด สุดท้ายก็เกิดความกลัวและวิตกกังวลจนไม่มีความกล้าที่จะเดินหน้า ถ้าหากยังเอาชนะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ความตั้งใจที่จะนำไปสู่การก้าวกระโดด ก็จะเป็นแค่เพียงความคิดและความตั้งใจเท่านั้นเอง ส่วนการเริ่มต้นก็จะยังไม่เกิดขึ้นเพราะว่า “ใจ” คุณยังไม่พร้อม  ดังนั้น หนทางที่จะช่วยให้การก้าวกระโดดจากชีวิตที่เป็นอยู่ในวันนี้ เพื่อมุ่งมั่นไปสู่สิ่งที่ต้องการและสิ่งที่ดีกว่านั้น สิ่งแรกก็คือ ต้องเอาชนะใจของคุณให้ได้ก่อน เพราะถ้าใจยังไม่สู้หรือใจยังไม่พร้อมที่ขาดความเชื่อมั่นเต็มไปด้วยความโลเล ความมุ่งมั่นที่จะเริ่มต้นก้าวกระโดดก็อาจจะล้มเหลวกลางคันได้ ผมเคยถามนักกีฬาว่าเวลาที่จะเริ่มต้นแข่งขันเขาคิดอะไร เขาบอกว่าคิดว่าเขาต้องชนะตามความหวังและตั้งใจเอาไว้ ถ้าเกิดความไม่มั่นใจแค่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นใจจะฝ่อขึ้นมาทันที…

Continue reading

“เสมอต้นเสมอปลาย”

“เสมอต้นเสมอปลาย” ที่ว่านี้ผมหมายถึง “คน” ครับ คนที่มีความเสมอต้นเสมอปลายที่วันนี้เขาเป็นอย่างไร วันข้างหน้าต่อๆ ไป เขาก็ยังเป็นอย่างนั้นเสมอ โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น นี่คือธรรมชาติของคนที่มี “ความเสมอต้นเสมอปลาย” เป็นคุณสมบัติประจำตัวของเขา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความเสมอต้นเสมอปลายได้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เราพบเห็นอยู่ในสังคมโลกจะมีคนเหล่านั้นปะปนอยู่ในทุกวงการ ดังเช่นที่เคยพบเห็นด้วยตัวผมเองก็เลยจะนำมาเล่าเพื่อเป็นตัวอย่างของความเสมอต้นเสมอปลายให้ฟัง คนๆ นี้เป็นคนที่อยู่ในครอบครัวของผมเอง เธอเป็นพี่สาวของผม เมื่อตอนที่อยู่ในวัยสาว เธอเป็นคนสวยที่มีชายหนุ่มมาจีบอยู่เสมอ มีหลายคนแต่ก็ไม่ได้ตกลงปลงใจจะรักใคร เธอบอกว่าคนที่เธอจะเลือกเป็นคู่ครองนั้นต้องเป็นคนที่ “เสมอต้นเสมอปลาย” เธอก็ปฏิบัติตามความตั้งใจดังกล่าวนี้มาตลอด ผมเห็นมีหลายคนที่พยายามจะเอาชนะใจเธอให้ได้ พยายามทำดีเอาอกเอาใจทุกอย่าง แต่เธอก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ คนที่จีบก็ค่อยๆ หายไปทีละคนๆ จนไม่มีเหลือ…

Continue reading

“หยั่งรากคิดบวกเพื่อเป็นหลักชีวิต”

ในวัยเยาว์อารมณ์ของคนวัยนี้ค่อนข้างที่จะมีความอ่อนไหวมาก ทั้งยังเปิดรับอะไรต่อมิอะไรได้มากมายโดยไม่จำกัดอีกด้วย สรุปแล้วก็คือ เป็นวัยที่มีความอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน หากว่ามีความเศร้าหรืออะไรมากระทบอันเป็นความโศกสลด คนในวัยนี้จะสะเทือนใจมากเป็นพิเศษ             ต้องระวังอย่าให้อารมณ์ติดลบเกิดขึ้นกับคนในวัยนี้นานๆ เพราะคนในวัยเด็กยังไม่สามารถแยกแยะอะไรได้เหมือนผู้ใหญ่ ถ้าหากเขาคิดไปในแง่ลบเมื่อไร สิ่งนั้นๆ จะฝังใจที่กลายเป็นหลักของความเข้าใจในเชิงลบไปตลอดชีวิตของเขาได้             ตามความเป็นจริงนั้น มนุษย์ไม่สามารถคิดในสองด้านพร้อมๆ กันได้ แต่หากทำได้ก็จะเป็นผลดีต่อตัวเราเองด้วย ดังนั้น หากคุณเกิดความคิดในแง่ลบเมื่อไร ต้องรีบคิดในแง่บวกพร้อมๆ กันไปด้วย ทำจนกลายเป็นนิสัย ฉะนั้น เมื่อใดที่คิดลบให้คุณคิดอย่างนี้ว่า คุณจะสามารถมองอีกแบบหนึ่งได้ด้วยการเปลี่ยนความคิดให้เป็นมุมมองบวกไปพร้อมๆ กันด้วย             แต่ที่สำคัญต่องฝึกที่จะหันความคิดในในทางด้านบวกไว้เสมอ เพราะการคิดบวกจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีๆ ให้กับเรา…

Continue reading

“มาสร้างสังคมที่มีน้ำใจกันเถอะ”

ต้องยอมรับความจริงว่าสังคมแห่งการอยู่ร่วมกันวันนี้ การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างต่างคนต่างอยู่จะหวังพึ่งใครได้ยาก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องช่วยประคับประคองตัวเองเพื่อความอยู่รอดไว้ก่อน ส่วนการแสดงน้ำใจต่อคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ห่างไกลไปแล้ว อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ ถ้าเราจะดู “คลิป” ที่ทยอยออกมาให้เราได้เห็นอยู่เป็นประจำทุกวันนั้น จะเห็นภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ประสบเหตุการณ์ร้ายต่างๆ ต้องพบกับอันตรายสารพัดรูปแบบ โดยที่มีผู้คนเห็นเหตุการณ์มากมาย แต่ไม่มีใครสักคนแสดงน้ำใจเข้าไปให้ความช่วยเหลือเลยแม้แต่คนเดียว อย่างดีก็แค่ยืนมองแล้วก็เดินหนีไป เพราะกลัวว่าตนจะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มาจากความไม่มีน้ำใจที่เราพึงปฏิบัติต่อกัน แนวโน้มในเรื่องของความมีน้ำใจด้งกล่าวนี้ นับวันยิ่งแต่จะหาความมีน้ำใจได้ยากยิ่ง ถ้าเป็นไปตามนี้สังคมมนุษย์ก็คงจะหาความสงบสุขได้ยาก สุดท้ายก็คงจะพบกับความหายนะที่ไม่มีใครรู้จักคำว่า “น้ำใจ” อีกต่อไป  วันนี้ก่อนที่สังคมเราจะขาดไปจากความมีน้ำใจต่อกันดังกล่าวนี้ เราทุกคนต้องช่วยกันปลูกและปลุกจิตสำนึกแห่งความมีน้ำใจของทุกคนให้ตื่นขึ้น แล้วเรียกธรรมชาติของคนมีน้ำใจที่เต็มไปด้วยความเอื้อเฟื้อต่อกันโดยไม่เลือกหน้า ให้กลับมาสู่ชีวิตจิตใจเราอีกครั้งหนึ่ง ความมีน้ำใจดังกล่าวนี้ไม่ลำบากถึงกับจะต้องปลูกหรือสร้างกันใหม่ เพราะโดยธรรมชาติเดิมๆ นั้น น้ำใจที่ว่านี้ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งที่พระเจ้าฝังใส่ไว้ในหัวใจของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราเพิกเฉยไม่ใส่ใจดูแลและนำมาใช้เท่านั้นเอง…

Continue reading

“ยิ้มได้เมื่อภัยมา”

เมื่อชีวิตเผชิญกับวิกฤตหรือเมื่อเวลามีภัยมา คงไม่มีใครยิ้มได้ จะมีแต่ความหวาดกลัว หวาดหวั่นวิตกกังวลสารพัด แล้วจะมีบ้างไหมที่เวลาเจอวิกฤตชีวิตแต่ก็ยังยิ้มได้ ขอให้ดูพระวจนะธรรมดังต่อไปนี้ที่ยืนยันว่า ผู้ที่อยู่ในร่มพระคุณของพระเจ้าด้วยความเชื่อไว้วางใจในพระองค์นั้น เขาสามารถยิ้มได้เมื่อมีภัยมา ในพระสัญญาของพระเจ้ามีดังนี้  “ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา  ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ  ใครจะฟ้องคนเหล่านั้นที่พระเจ้าได้ทรงเลือกไว้ พระเจ้าทรงโปรดให้พ้นโทษแล้ว  ใครเล่าจะเป็นผู้ปรับโทษอีก พระเยซูคริสต์น่ะหรือ ผู้ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว  และยิ่งกว่านั้นอีกได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า  และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราทั้งหลายด้วย  แล้วใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่า จะเป็นความทุกข์ หรือความยากลำบาก  หรือการเคี่ยวเข็ญ…

Continue reading