“บ้านและครอบครัวที่อบอุ่น”

วิถีชีวิตของบ้านและครอบครัววันนี้กำลังเปลี่ยนไป วิถีชีวิตที่เคยเป็นมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กจนกระทั่งวันนี้ สิ่งดีๆ แบบครอบครัวไทยหลายอย่างได้เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งก็มีผลทำให้การดำเนินชีวิตของทุกคนในครอบครัวก็ต้องปรับเปลี่ยนสภาพไปด้วยเช่นกัน เมื่อก่อนจากครอบครัวที่เคยอบอุ่นอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในเวลาอาหาร เวลาหลังอาหารที่ใช้โอกาสในการพูดคุยกันระหว่างคนในบ้านได้เปลี่ยนไปตามวันเวลา ที่ต่างไปจากบรรยากาศแบบเดิมๆ จนไม่เหลืออยู่อีกแล้ว             ผมจำได้สมัยเป็นเด็กถึงเวลาอาหารทุกคนจะอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา หลังอาหารก็จะมานั่งรวมกันพูดคุยในสารพัดเรื่องราวที่แต่ละคนได้ผ่านพบมาในวันนั้น หากเป็นปัญหาก็ช่วยกันออกความคิดอ่านแก้ไขเท่าที่แต่ละคนจะทำได้ สุดท้ายพ่อก็จะเป็นคนสรุปก่อนที่จะแยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวก่อนเข้านอน ครอบครัวเราทำอย่างนี้เป็นประจำไม่เคยขาด และก็ส่งผลต่อจิตใจและสร้างความอบอุ่นให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี หากมีเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบกับคนในครอบครัวเมื่อใด ทุกคนก็จะช่วยกันแก้ไขปกป้องราวกับว่าทุกคนเป็นกายอันเดียวกัน เมื่ออวัยวะอันหนึ่งเจ็บอวัยวะอื่นๆ ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน นี่คือสิ่งที่สร้างความอบอุ่นความผูกพันที่นำไปสู่ความเอื้อเฟื้อต่อกันและกันของครอบครัวแบบไทยๆ สมัยก่อนโน้น             แม้ว่าแต่ละคนจะแยกย้ายไปตามวิถีชีวิตของการดำเนินชีวิตในหน้าที่การงานก็ตาม แต่ความผูกพันและห่วงใยไม่ได้ขาดไปจากใจของแต่ละคน เวลามีสุขหรือทุกข์เราก็มักจะส่งข่าวคอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอยู่เสมอไม่เคยขาด ให้กำลังใจอธิษฐานเผื่อกันและกันเสมอ เพราะโดยรากฐานของความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าที่ทุกคนมีอยู่นั้นคือหลักประกันที่เรามั่นใจ และวางใจอยู่เสมอว่าสิ่งนี้คือหลักประกันแห่งความอยู่รอดปลอดภัยของเราทุกคน ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นคือวิถีชีวิตครอบครัวที่มีความอบอุ่นและมีความผูกพันในครอบครัวสมัยก่อน…

Continue reading

“ชีวิตที่มีความสุข”

ถ้าจะถามว่าเราอยากจะมีชีวิตในโลกนี้อย่างไร? ทุกคนก็คงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “อยากอยู่อย่างมีความสุข” ซึ่งคงไม่มีใครอยากจะอยู่อย่างมีความทุกข์แน่นอน สรุปได้ว่า ทุกคนอยากจะอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข และถ้าจะถามอีกว่า แล้ววันนี้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุขตามที่ตั้งความหวังไว้หรือไม่ อย่างไร? คำตอบก็คือ ชีวิตไม่ได้มีแต่เพียงความสุขตามที่ต้องการเพียงอย่างเดียว ยังมีความทุกข์เข้ามาบั่นทอนความสุขให้หมดไปอีกด้วย ที่หนักไปกว่านั้น มีบางคนไม่เคยรู้จักคำว่าความสุขเลย เพราะชีวิตมีแต่ความทุกข์อยู่ตลอดเวลา ส่วนบางคนก็พอจะมีความสุขบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่ความทุกข์เสียมากกว่า บางคนจะมีทั้งสุขหรือทุกข์คละเคล้ากันไป เคยคิดไหมว่า ทำไมชีวิตถึงได้เป็นอย่างนี้ ทำไมความสุขที่เราปรารถนามากกว่าสิ่งอื่นใดจึงได้บ้างไม่ได้บ้าง เป็นความสุขที่ขาดๆ หายๆ ได้มาเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็หายไป ในขณะเดียวกันความทุกข์ที่เราไม่ต้องการกลับวิ่งเข้ามาสู่ชีวิตของเราครั้งแล้วครั้งเล่าไม่มีหยุดหย่อน ก็จะบอกว่าเราไม่มีความสุขนั้นก็เพราะเราไม่ได้แสวงหาอย่างจริงจัง อันนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะทุกคนต่างดิ้นรนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน งานของเราก็คือออกไปหาความสุขมาให้กับตัวเองและให้กับครอบครัว…

Continue reading

“คุณค่าของความเป็นคนอยู่ที่ไหน”

มีคำถามอยู่เสมอว่า “คุณค่าของคน” อยู่ที่ไหนและอะไรคือคุณค่าของคน ดูเหมือนว่าความคิดของแต่ละคนในเรื่องนี้จะไม่เหมือนกัน บางคนก็บอกว่าคุณค่าของคนอยู่ที่สติปัญญาความรู้ความฉลาด บางคนก็ว่าอยู่ที่อำนาจวาสนา ยศศักดิ์ บ้างก็ว่าอยู่ที่ความร่ำรวย มีอีกเยอะที่สร้างนิยามให้กับ “คุณค่าของคน” บ้างก็ว่าคุณค่าของคนอยู่ที่รูปสมบัติ สรุปแล้วใครจะตั้งคำนิยามของความคิดเห็นอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะความจริงแล้วคุณค่าที่เอ่ยมานั้นล้วนแต่เป็นคุณค่าที่เสื่อมสูญหายสิ้นสภาพไปได้ทั้งนั้น จะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง             แต่คุณค่าของคนที่อยากจะพูดถึงก็คือคุณค่าที่ถูกมองข้าม ที่น้อยคนที่จะให้ความสำคัญ นั่นก็คือ “คุณค่าของคนอยู่ที่ความดีของเขา” คุณค่าของความเป็นคนดีดังกล่าวนี้หาได้ยากในสังคมโลกวันนี้ ตามหลักความเชื่อของคริสเตียนแล้วเชื่อว่า คนดีที่มีคุณค่าน่ายกย่องนั้นนับวันแต่จะลดน้อยไปทุกๆ วัน ตรงตามที่พระวจนะธรรมคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “ความชั่วจะทวีขึ้น ความรักจะเยือกเย็นลง” (มัทธิว 24:12) แนวโน้มก็เป็นอย่างที่ว่านี้จริงๆ เมื่อมีความชั่วเพิ่มมากขึ้นเท่าใด…

Continue reading

“อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน”

“จงอย่าไว้วางใจใครสักคนในโลกนี้ เพราะแม้แต่เงาของคุณเองยังหนีจากคุณเมื่อคุณอยู่ในความมืด” เป็นอีกหนึ่งข้อคิดคำคมที่เตือนใจเราได้เป็นอย่างดี สำหรับเรื่องความไว้วางใจ เพราะหากเราวางใจใครสักคนที่คิดว่าเขาเป็นคนดี แต่แล้ววันหนึ่งเขากลับทำให้เราผิดหวังขึ้นมา ความเจ็บปวดใจก็จะเกิดขึ้นกับเราอย่างไม่ต้องสงสัย จะเจ็บมากเจ็บน้อยอย่างไรมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราวางใจเขามากแค่ไหนเพียงไร ด้วยเหตุนี้ภาษิตโบราณท่านจึงย้ำเตือนเราตลอดมาว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน”             ทำไมเราต้องระมัดระวังในการไว้วางใจ “คน” ดูคำตอบจากพระวจนะธรรมคัมภีร์จะบอกเหตุผลไว้อย่างชัดเจนว่า “จิตใจมนุษย์โกงเกินบรรดาทุกสิ่งและชั่วร้ายกาจนัก” (เยเรมีย์ 17:9) นี่คือสาเหตุสำคัญที่เราจะไว้วางใจคนแบบง่ายๆ โดยไม่ดูให้รอบคอบเสียก่อน ดูกันนานๆ จนกว่าเราจะรู้จักตัวตนของคนๆ นั้นอย่างถ่องแท้ แล้วจึงค่อยให้ความไว้วางใจเขา ส่วนการดูคนให้ดีจนกว่าเราจะรู้แจ้งเห็นจริงได้ก็ต้องใช้เวลา อย่าด่วนสรุปเพียงเพราะเหตุผลผิวเผิน เพราะสิ่งดีในตัวคนที่เราเห็นอาจเป็นแค่หน้ากากที่ดูดีและสวยงามชิ้นหนึ่งเท่านั้น ส่วนตัวตนจริงนั้นถูกปิดซ่อนไว้ข้างใน ไม่ให้เราเห็นจึงต้องรอเวลาสักวันหนึ่งเขาจะเผลอแสดงตัวตนจริงออกมาให้เราเห็น เพราะไม่มีใครที่จะปิดซ่อนตัวตนจริงไว้ได้นาน…

Continue reading

“รวมกายใจเป็นหนึ่งเดียว”

            คุณพ่อของบรรดาลูกๆ ที่มีอยู่ 7 คนไม่สบายใจที่ลูกๆ ทั้ง 7 มักจะมีเรื่องขัดใจระหองระแหงกันอยู่เป็นประจำ ดังนั้น คุณพ่อจึงคิดหาทางแก้ปัญหานี้ เพื่อบรรยากาศจะได้กลับมาเป็นปกติให้ได้             วันหนึ่งเมื่อทุกคนว่าง ผู้เป็นพ่อก็ได้เรียกลูกๆ ทั้ง 7 มาพร้อมหน้าและได้ให้ลูกๆ นำดินสอดำมาคนละแท่งที่มีขนาดเท่าๆ กัน แล้วให้ทุกคนใช้มือหักดินสอของตนออกเป็นสองท่อน ซึ่งทุกคนก็หักดินสอออกเป็นสองท่อนพร้อมกันได้อย่างง่ายดาย ต่อจากนั้นผู้เป็นพ่อก็ได้ให้ลูกๆ ทั้ง 7 นำดินสออีก 1 แท่งที่เหลืออยู่นำมารวมกัน เสร็จแล้วก็ให้ลูกชายคนหนึ่งหักแท่งดินสอที่นำมารวมกันนั้น ปรากฎว่าแม้จะออกแรงยังไงก็ไม่สามารถหักดินสอที่นำมารวมกันนั้นได้            …

Continue reading