“ขนมปัง 5 ก้อนกับปลา 2 ตัว” (กรุณาคลิ๊กอ่านที่หัวเรื่อง)
เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ที่ได้ประจักษ์ผู้คนมากมายในช่วง 3 ปีแห่งพระราชกิจของพระองค์นั้น มีมากมายหลายเรื่องที่ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์กว่า 2000 ปีแล้ว
บทความหนุนใจ
เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการอัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ที่ได้ประจักษ์ผู้คนมากมายในช่วง 3 ปีแห่งพระราชกิจของพระองค์นั้น มีมากมายหลายเรื่องที่ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคริสต์ธรรมคัมภีร์กว่า 2000 ปีแล้ว
คนเรานั้นชอบผลัดวันประกันพรุ่ง.. เวลาจะทำอะไรหรือคิดจะทำอะไรก็ตามมักจะพูดว่า “เดี๋ยวค่อยทำ..รอวันพรุ่งนี้ก่อน” บางคนพูดจริงแต่บางคนพูดเพราะเห็นว่ายังมีวันเวลาที่พอจะรอได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร ตอนเป็นเด็กผมเองก็มักจะพูดอย่างนี้เสมอ เมื่อถูกใช้ให้ทำอะไรจะต้องพูดออกมาเสมอว่า “เดี๋ยว เอาไว้พรุ่งนี้ แล้วจะทำ” พูดจนติดปาก แล้วก็เลยกลายเป็นความเคยชิน ส่วนผลของความเสียหายนั้น การผลัดวันประกันพรุ่ง ทำให้เสียทั้งโอกาสและเวลาไปอย่างหน้าเสียดาย เพราะแทนที่จะได้ใช้วันนี้ทำให้เสร็จ เพื่อวันพรุ่งนี้จะได้เอาไปทำอย่างอื่น ที่อาจจะมีความสำคัญกว่าได้ แล้วเราเองก็ยังไม่รู้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรือพรุ่งนี้อาจจะไม่มีสำหรับเรา หรือสิ่งที่เราตั้งใจจะทำเลยก็ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราเสียเวลาเสียโอกาส เพราะคำว่า “รอวันพรุ่งนี้ก่อน” ไปแล้วไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ฉะนั้นวันนี้ถ้าจะทำอะไร ก็ต้องลงมือทำโดยไม่มีการผลัดวัน ไม่ต้องรอฤกษ์งามยามดีเหมือนบางคน ฤกษ์ดีที่สุดก็คือวันนี้…
บางครั้งเพราะเรามุ่งมั่น และทุ่มเทเวลาให้กับงานและความรับผิดชอบ เพราะอยากให้ทุกอย่างที่เราทำสำเร็จไปตามเป้าหมาย จนกระทั่งเราลืมนึกถึงครอบครัวที่เราทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งที่จริงแล้วครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่เป็นอันดับหนึ่งของเราทุกคน ด้วยเหตุนี้เองที่มีบางคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีความเจริญก้าวหน้า แต่ชีวิตครอบครัวเขากลับมีแต่ความล้มเหลว ไม่มีความสุขในครอบครัว หากเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะบอกว่าคนๆนั้นประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแท้จริงคงไม่ได้ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น แม้เขาจะต้องทุ่มเทเวลาให้กับงานและรับผิดชอบอีกมากมายก็ตาม แต่เขาจะไม่เคยลืมคิดและให้ความสำคัญกับครอบครัวแม้ว่าเขาต้องรับผิดชอบอะไรต่ออะไรอีกมากมายก็ตาม แต่เขาจะไม่เคยลืมคิดและให้ความสำคัญกับความครัว เพราะที่เขาทุ่มเททั้งกายใจ ทำงานหนักนั้น ก็เพราะเขาทำเพื่อให้กับครอบครัวเพื่อทุกคนจะได้มีความสุขร่วมกัน ซึ่งนี้คือสิ่งสำคัญที่สุดของเขาในชีวิต และด้วยเหตุดังกล่าวนี้ ในประเทศที่เขาเจริญ เขาจะมี “วันครอบครัว” ซึ่งจะเป็นวันสำคัญ สำหรับคนในครอบครัว จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างพร้อมเพียง เพื่อใช้เวลาที่จะรำลึกถึงความรัก ความสุขที่มีต่อกันและกันในเวลาปีต่อปีที่ผ่านมา คนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายจึงยืนยันว่า เพราะความสำคัญที่เขาได้ให้กับครอบครัวนี่เอง…
อย่าได้ไปมองว่า คนที่แต่งกายง่ายๆนุ่งกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลมหรือใส่เสื้อม่อฮ่อมเก่าๆ แต่ไม่เคยแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมนั้น เขาจะต้องเป็นคนยากไร้ หรือมีความตระหนี่ขี้เหนียวอะไรนะครับ แต่ที่เขาแต่งกายดูง่ายๆสบายๆนั้นก็เป็นเพราะว่า เขาใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็เลยหันมาใช้ชีวิตแบบนี้ คนเราชอบดูที่การแต่งกายเป็นตัวกำหนดฐานะความเป็นอยู่ของคน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าจะจนหรือว่ารวยเสมอไป ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง ฐานะความเป็นอยู่ของเขาเรียกว่าอยู่ในระดับที่มีเงินทองใช้จ่ายอย่างสบาย เขาไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอยู่พักหนึ่ง ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเขา เขาได้ชวนผมไปที่ฟลอริด้า โดยตั้งใจจะไปดูเรือยอร์ช ซึ่งฟลอริด้าเป็นแหล่งขายเรือยอร์ชสำหรับเศรษฐีมากมายหลายแห่ง วันนั้นผมแต่งตัวให้ดูดี เพราะกลัวว่าเขาจะดูแคลนเอา ส่วนเพื่อนผมใส่ขาสั้นเสื้อยืดสีขาวตัวหนึ่ง แถมใส่รองเท้าแตะฟองน้ำอีกด้วย เราไปที่ร้านขายเรือยอร์ชที่ใหญ่และหรูหราแห่งหนึ่ง.. คนขายฝรั่งมองดูเราอย่างไม่ไว้ใจ คงคิดว่ากระเหรียงมาจากไหน… มีลูกค้าใส่สูทอยู่สองสามคนในร้าน และมีคนขายคอยให้ความสะดวก แนะนำด้วยท่าทีที่เอาอกเอาใจ ส่วนเราสองคนไม่มีเซลล์แมนคนไหนมาให้คำแนะนำเลย พอลูกค้าใส่สูทเดินออกจากร้าน…
มองไปทางไหน ก็เห็นมีแต่คนเครียดกันเยอะแยะไปหมด ก็น่าเห็นใจครับ เพราะการดิ้นรนสู้กับความเป็นอยู่มันหนักขึ้น ก็ต้องเครียดกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ความเครียดนั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกายครับ ปล่อยให้มันเข้ามาครอบงำเราบ่อยๆ อันตรายครับ ต้องไม่เครียด แต่ถ้ามันมีอะไรที่จะทำให้เครียดก็ไม่ว่ากัน แต่ต้องรีบคลายความเครียดให้เร็วที่สุด ด้วยการพักผ่อนคลายความเครียด ชีวิตก็จะกลับมาสู่ความรื่นรมย์อีกครั้ง การผ่อนคลายนั้นจำเป็น เหมือนเราหายใจเข้าแล้วก็ต้องหายใจออก คนเราเมื่อทำงานหนักติดต่อกันมานาน ก็ต้องหาเวลาให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนคลายความเครียดความกังวลทั้งหลาย ให้สบายกายสบายใจหายเหนื่อยก่อน แล้วก็ค่อยกลับไปสู้ชีวิตต่อ คนที่เคยคลุกคลีทำงานกับฝรั่งมานาน จะรู้ดีว่าเวลาทำงานเขาทำกันจริงไม่มีเล่น แต่พอถึงเวลาพัก เขาก็พักกันจริงๆ ทุกคนทำงานหนักทั้งปี เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่งเพื่อการพักผ่อน พอหยุดสิ้นปีเขาจะไปพักผ่อน เดินทางไปยังสถานที่ที่เขาวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ใกล้บ้างไกลบ้างตามแต่กำลังเงินของแต่ละคน สนุกพักผ่อนอย่างเต็มที่ พอถึงเวลาทำงานก็กลับมาทำงานกันต่ออย่างจริงจังอีกครั้ง…